อเมริกา
ไบเดนอภัยโทษบุตรชาย 'ฮันเตอร์' สองคดีอาญา
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งในอีกไม่ถึงสองเดือน ประกาศอภัยโทษบุตรชาย ฮันเตอร์ ไบเดน ที่กำลังเผชิญการพิจารณาคดีที่เขาถูกฟ้องร้องสองคดี ก่อนหน้านี้ ปธน.ไบเดน เคยรับปากว่าจะไม่อภัยโทษให้กับบุตรชายของตน แต่ในคำแถลงเมื่อวันอาทิตย
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งในอีกไม่ถึงสองเดือน ประกาศอภัยโทษบุตรชาย ฮันเตอร์ ไบเดน ที่กำลังเผชิญการพิจารณาคดีที่เขาถูกฟ้องร้องสองคดี
ก่อนหน้านี้ ปธน.ไบเดน เคยรับปากว่าจะไม่อภัยโทษให้กับบุตรชายของตน แต่ในคำแถลงเมื่อวันอาทิตย์ ไบเดนกล่าวว่าการตัดสินใจให้อภัยโทษครั้งนี้คือการตอบโต้ต่อการดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรมและเลือกปฏิบัติ
"การตั้งข้อหาในคดีนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองในรัฐสภาหลายคนพยายามปลุกปั่นเพื่อโจมตีและขัดขวางการลงเลือกตั้งของผม" ปธน.ไบเดนกล่าว
เมื่อเดือนมิถุนายน ฮันเตอร์ ไบเดน ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดทางอาญา 3 กระทง ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการซื้ออาวุธปืนเมื่อปี 2018 ซึ่งเขาไม่ตอบความจริงในแบบฟอร์มขอซื้อปืนดังกล่าว
คณะลูกขุนตัดสินว่า ฮันเตอร์ ไบเดน มีความผิดฐานให้การเท็จในแบบฟอร์มของรัฐบาลกลางสำหรับผู้ที่จะซื้ออาวุธปืนในสหรัฐฯ จากการที่ตอบว่าตนไม่เสพสารเสพติด และเขาครอบครองปืนกระบอกนั้นไว้เป็นเวลา 11 วัน โดยอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 25 ปี
นอกจากคดีที่เกี่ยวกับการครอบครองปืนอย่างผิดกฎหมายแล้ว บุตรชายคนเล็กวัย 53 ปีของไบเดนซึ่งเคยมีปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดและตกเป็นเป้าของการสืบสวนคดีธุรกิจข้ามชาติ ยังเผชิญคดีจ่ายภาษีไม่ทันตามกำหนดมูลค่า 1.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเขายอมรับสารภาพไปแล้ว
ในแถลงการณ์อภัยโทษเมื่อวันอาทิตย์ ปธน.ไบเดน ระบุว่า ฮันเตอร์ ไบเดน จะถูกละเว้นจากการถูกลงโทษในสองคดีดังกล่าว รวมทั้ง "ความผิดใด ๆ ก็ตามที่เขาได้กระทำไว้ หรืออาจกระทำ หรือมีส่วนร่วม" ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2014 ถึง 1 มกราคม 2024
ปธน.ไบเดน ระบุในแถลงการณ์ว่า ตนหวังว่าประชาชนอเมริกันจะเข้าใจว่าทำไมตนจึงตัดสินใจเช่นนี้ในฐานะบิดาและประธานาธิบดี และว่าตลอดอาชีพ ตนปฏิบัติตามหลักการง่าย ๆ ว่าจงบอกความจริงแก่ประชาชน และความจริงก็คือ แม้ตนจะเชื่อในระบบยุติธรรม แต่ก็เชื่อด้วยว่าการเมืองได้แทรกแซงกระบวนการพิจารณาคดีนี้ด้วย
ด้านฮันเตอร์ มีคำแถลงว่า "ผมขอยอมรับและขอแสดงความรับผิดขอบต่อความผิดพลาดในช่วงเวลาอันมืดมิดที่สุดของการเสพติด เป็นความผิดพลาดที่ถูกนำมาใช้แสวงหาประโยชน์เพื่อสร้างความละอายใจและความเสื่อมเสียให้กับตัวกระผมและครอบครัวเพื่อการแข่งขันทางการเมือง"
ขณะเดียวกัน ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้วิจารณ์การอภัยโทษครั้งนี้ว่า "เป็นการละเมิดและทำให้เสื่อมเสียความยุติธรรม"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายของการดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทรัมป์ได้อภัยโทษให้กับชาลส์ คุชเนอร์ บิดาของบุตรเขยของตนเอง จาเร็ด คุชเนอร์ รวมทั้งอดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ไมเคิล ฟลินน์, อดีตผู้จัดการคณะหาเสียงของเขา พอล แมนาฟอร์ต, อดีตหัวหน้าทีมวางแผนยุทธศาสตร์ สตีฟ แบนนอน และอดีตที่ปรึกษาการหาเสียง จอร์จ ปาปาโดปูลอส มาแล้วเช่นกัน ข้อมูลบางส่วนจากเอพีและรอยเตอร์