บ่วง(น้อง)ใบบุญ…สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 429 ระหว่างวันที่ 26 เม.ย.-3 พ.ค.67

หน้า 2-3 สกู๊ปปก

บ่วง(น้อง)ใบบุญ

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

จริง ๆ แล้วกระแสข่าวที่กำลังโด่งดังกรณี “น้องใบบุญ-รัชพล ตรงต่อกิจ” เด็กชายหัวใจธรรมะวัย 7 ขวบ มีมาตั้งแต่ปี 2565 โดยในขณะนั้นน้องอายุได้ 5 ขวบ

            จากอมรินทร์ทีวี ปี 2565

อ้างอิงจาก ซึ่งได้พาดหัวข่าวเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2565 amarintv ว่า “หนึ่งในล้าน! เด็ก 5 ขวบขอบวชหวังพ้นทุกข์สู่นิพพาน แม่ทึ่งเผยสอนสมาธิจนเกิดนิมิต” และมีเนื้อหาของข่าวระบุเพิ่มเติมว่า  จากกรณีนางสาวนิคม เพิ่มพูน หรือ นิด อายุ 40 ปี ได้โพสต์คลิป TikTok เมื่อ ด.ช.รัชพล ตรงต่อกิจ หรือ น้องใบบุญ อายุ 5 ขวบ ลูกชาย ประกาศว่าอยากจะบวช เพื่อพ้นทุกข์ไปสู่นิพพาน ซึ่งชาวเน็ตต่างเข้ามาอนุโมทนาสาธุกันเป็นจำนวนมากนั้น ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี วิดีโอคอลพูดคุยกับ นางสาวนิคม เพิ่มพูน แม่ของน้องใบบุญที่อาศัยอยู่ใน จ.อุบลราชธานี

แม่นิด บอกว่า ตนมีลูกชาย 3 คน อายุ 13 ปี 8 ปี และ 5 ปี โดยลูกชายคนรองบวชเณรไปเมื่อเดือน ธ.ค.64 จึงทำให้น้องใบบุญอยากจะบวชบ้าง ขณะนี้ลูกชายคนรองก็ยังบวชเณรอยู่ คาดว่าจะบวชไปเรื่อย ๆ ตลอดชีวิต ทั้งนี้ ทางครอบครัวเป็นครอบครัวที่ชอบเข้าวัดทำบุญ อีกทั้งยังสอนลูก ๆ ให้นั่งสมาธิทุกวัน วันละ 30 นาที ส่วนพ่อแม่นั่งสมาธิประมาณ 1.30 ชั่วโมง และสวดมนต์ก่อนนอน จึงทำให้น้องใบบุญซึมซับ และชอบในธรรมะ

โดยคลิปที่แชร์บนโซเชี่ยล เป็นคลิปที่ตนถ่ายไว้ เนื่องจากแปลกใจที่ลูกชายวัย 5 ขวบ พูดว่าอยากบวช ซึ่งตนไม่คาดคิดว่าลูกชายจะพูดแบบนี้ น้องใบบุญพูดมีหลักการและเหตุผลเกินกว่าที่เด็กทั่วไปจะพูด ตนได้อธิบายน้องใบบุญว่าไว้รอให้โตกว่านี้ก่อน ถ้ายังอยากบวชค่อยบวช

ด้านน้องใบบุญได้หันมาบอกทีมข่าวเป็นบางช่วง เนื่องจากเขินกล้อง บอกว่า “อยากบวช อยากบวช เพราะเห็นแต่ความทุกข์ทางโลก จะรอจนอายุ 10 ขวบ แล้วจะบวช”

สู่โหนกระแส ปี 2567

ล่าสุด รายการโหนกระแส ออกอากาศเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ดำเนินรายการโดย หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3HD โดยได้เชิญ น้องใบบุญ , แม่นิด, พ่อสุพัฒน์ คุณพ่อคุณแม่น้องใบบุญ พร้อมด้วย แพรรี่-ไพรวัลย์ วรรณบุตร มาพูดคุยกันในรายการ

น้องใบบุญ เผยว่า ที่อยากบวชพี่เณรฟอร์ด เนื่องจากทางโลกมีแต่ความทุกข์ครับ อยู่กับเพื่อนได้แค่ชั่วคราว ต้องแยกย้ายกันกลับบ้านก็เป็นทุกข์ ไม่ได้เจอเพื่อนก็เป็นทุกข์ อยากได้เงินทองก็เป็นทุกข์ โดนแม่ด่าก็เป็นทุกข์ ใจดีทุกวัน ยกเว้นตอนทำการบ้านไม่ได้ (หัวเราะ)

ส่วน แพรรี่ ไพรวัลย์ กล่าวว่า น่าทึ่งมาก สิ่งที่เขากำลังพูดคือวิปัสสนากรรมฐาน การเห็นความพลัดพราก วัยเด็กเขาอาจไม่เห็นการพลัดพรากในแบบอื่น เช่นคู่รัก พ่อแม่ลูก แต่การที่เขาแยกกับเพื่อนที่เขารัก เขาเห็นการวิปัสสนา ซึ่งเด็กทั่วไปไม่มีทางมองแบบนี้หรอก เล่นก็เล่น กลับไปเล่นที่บ้าน อยู่กับพ่อแม่ก็ไม่เห็นเสียหาย

แม่นิด เผยที่มาของชื่อน้องใบบุญว่า มีที่มาที่ไป พูดก็เหมือนนิยาย เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เรื่องของเรื่องน้องใบบุญกับเณรฟอร์ด ก่อนเขาเกิดหนูจะฝันค่อนข้างเหมือนกัน น้องใบบุญจริง ๆ แล้วอยากได้ผู้หญิง ด้วยความที่ก่อนท้อง หนูฝันอยู่หลายครั้งว่ามีขบวนแห่สนามหลวง และมีเด็กสองคนมาบอกว่าหนูจะมาขออยู่กับแม่ มาอยู่กับน้องสองคน หนูชื่อใบบุญ น้องหนูชื่ออุ่นทิพย์ เราก็บอกว่าถ้าจะรับสองคนคงไม่ได้ เขาก็เลยบอกว่าหนูใบบุญไปก่อน จากนั้นก็ฝันมาเรื่อย ๆ ว่ามีคนมาบอกว่าเขาจะมาเกิดแล้วนะ ถ้าเกิดแล้วอาจย้ายที่อยู่นะนั่นนี่ ความฝันก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วในฝันมีแม่ชีองค์นึงบอกว่าไม่ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเขาเกิดแล้วต้องให้ชื่อใบบุญเท่านั้น เขาจะได้เลี้ยงง่าย ๆ ตัวเขาเองก็เหมือนแม่ชีจูงมือมา ก็ถามว่าหนูชื่ออะไร เขาบอกชื่อใบบุญ เป็นชื่อตั้งแต่ในฝันเลย พอลูกเกิดก็ตั้งชื่อว่าใบบุญ ไม่ได้เกี่ยวกับอภินิหารใด ๆ

“ล่าสุดแม่จะให้น้องบวช แต่มีข้อแม้ให้บวชแค่ 9 วัน เดี๋ยวนานไปเขาจะไม่สึก ตอนพี่เณรฟอร์ด เขาขอ 7 วัน แล้วมา 9 วัน 15 วัน แล้วก็ตลอด ก็เลยตั้งกฎกับคนนี้ ว่าต้อง 9 วันเท่านั้น ถ้าเขาจะไม่สึกต้องคุยกันยาว”

โดยแพรรี่ได้พูดถึงเรื่องเงื่อนไขในการบวชของแม่นิดว่าเป็นการขัดขวางหรือไม่ แพรรี่ กล่าวว่า ถ้ามองในมุมศาสนา อาจมองมุมนั้นได้ แต่ถ้าแม่มีเหตุผลและอธิบายให้เข้าใจว่าไม่ได้ขัดขวาง ถ้าอนาคตมีใจอยากบวชตลอดชีวิตก็ค่อยว่ากัน แต่ว่าวัยน้อยตอนนี้ควรได้รับการศึกษาก่อน เพราะอนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน อย่างน้อยมีองค์ความรู้ทางโลกไว้มันก็ไม่ได้เสียหาย อธิบายให้น้องเข้าใจ

กรรชัยได้ถามแม่นิดว่า ตัวของน้องใบบุญรู้เรื่องธรรมะมากน้อยแค่ไหนนั้น แม่นิดตอบว่า เข้าใจอย่างที่ทุกคนเห็น จะตอบว่ามากก็ไม่ได้ จะตอบว่าน้อยก็ไม่ได้ อย่างที่ทุกคนเห็นตามนั้นเลย แต่ที่แน่ ๆ เขารู้จักบาปบุญคุณโทษ เรื่องกรรมเรื่องเวร เขาเชื่อว่าบุญบาปมีจริง เรื่องการเกิดตายมีจริง เห็นความทุกข์ เหตุผลคือเวลามีงานเผาศพ พี่เณรมักเรียกน้องไปดูตอนเขาเผาศพเสมอ

ซึ่งเรื่องนี้การไปดูตอนที่เขาเผาศพนั้น น้องใบบุญบอกว่า อนาคตทุกคนก็เป็นแบบนั้นหมดครับ ลุงก็เป็นเหมือนกัน เป็นทุกคนในโลก ความตายเป็นเพื่อนสนิท หนีไปไหนก็หนีไม่ได้ ถ้าถามว่า อยากบวชตลอดชีวิตจริง ๆ เหรอ ? ตอบว่า จริง อยากนิพพานครับ นิพพานต้องทำอย่างไรนั้นคือ การสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทุก ๆ วันครับ จะทำให้นิพพานได้ครับ จริง ๆ แล้วผมเคยบวชเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ก็รู้สึกชอบ แต่ถ้าบวชได้หลายวันกว่านี้จะยิ่งชอบกว่านี้ครับ

แพรรี่เสริมว่า จริง ๆ สิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านั้น นั่นแหละจะทำให้เขาไปสู่นิพพาน การที่เขาเห็นว่าชีวิตสุดท้ายแล้วต้องไปอย่างนั้น ต้องแยกย้ายจากกันเป็นเรื่องความทุกข์ ด้วยวัยเขาได้แค่นี้หนูก็มองว่ามากกว่าหนูตอนหนูไปบวชตอนแรกแล้วนะคะ หนูบวชตอน 13 ค่ะ

มารผจญคนไม่ชอบ

นอกจากนี้กรรชัยยังได้ถามแม่นิดด้วยว่า ที่น้องใบบุญเป็นแบบนี้ เคยถูกคนติฉินนินทามั้ย ? แม่นิดตอบประเด็นนี้ว่า  เป็นเรื่องปกติมาก ๆ มีคนรักและคนเกลียด มีชอบก็ไม่ชอบ พูดง่าย ๆ เหรียญมีสองด้านค่ะ ถ้าเป็นหนูก็มองว่าไม่ว่ามาทางดีหรือไม่ดี ก็จะสอนลูกเสมอ ว่าเราไม่ควรไปโกรธ แต่ควรหยิบยกตรงนั้นมาว่าเป็นครูที่สอนให้เราได้เรียนรู้ในเรื่องต่าง ๆ ถ้าไม่มีคนติฉินนินทาเรา เราก็ไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหน ไม่รู้ว่าจะปรับปรุงตัวอย่างไร หนูจะสอนลูกประมาณนี้ เวลามีคนคอมเมนต์มาด่า ก็อ่านให้ลูกฟังเลย เพื่อทดสอบเขา เขารู้สึกยังไง

“เราจะได้สอนเขาได้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรไปโกรธตอบนะ เรารู้แล้วเราปล่อยวางนะ เพราะถ้าเราไม่ให้เจอแบบนี้ ถ้าสักวันนึงเขาโตขึ้นมา แน่นอนว่าทุกวันนี้คนรู้ทั้งประเทศว่าน้องใบบุญคือใคร เขาจะรับไม่ได้ในสิ่งที่คนที่ไม่ชอบแล้วมาด่าเขา หนูอยากให้เขาอยู่ในภูมิที่เขาพอจะรับได้ในทุก ๆ เรื่อง จะบอกเขาเสมอว่าเราไม่ได้เป็นคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นมันเรื่องธรรมดามากที่คนจะมาด่าแม่ สิ่งที่บอกกับลูกก็คือ ด่าแรงก็มี เยอะเลย มีครั้งนึงเอาคลิปออกไป บอกว่าน้องใบบุญมีคนมาด่าหนู หนูรู้สึกยังไง เขาใช้คำไม่สุภาพ น้องก็บอกว่าหนูให้อภัยเขาครับ หนูไม่โกรธ เขาด่าเราเขาก็เป็นทุกข์ ปล่อยวาง เขาว่าก็เป็นทุกข์ของเขา”

กรรชัยได้ถามน้องใบบุญว่า เป็นธรรมดา มักมีเปรตอสูรกาย มารไม่มีบารมีไม่เกิด เป็นธรรมดา ลุงเข้าใจเรื่องนี้ดี เขาบอกว่าให้เป็นอาจารย์และมีคนกราบไหว้ เอามั้ย ? ซึ่งใบบุญตอบอย่างสั้น ๆ ทันทีว่า “ไม่เป็นและไม่เอาครับ”

ทางด้านแพรรี่ได้ถามน้องใบบุญด้วยว่า ถ้าหากมีคนอายุมากกว่าน้องใบบุญ มากราบน้องใบบุญเอามั้ยคะ                 น้องใบบุญ รีบตอบว่า “ไม่เอาครับ ใบบุญเป็นเด็กอยู่ครับ มันจะเหมือนเสียมารยาทครับ เด็กต้องไหว้คนอื่น ไม่ใช่ผู้ใหญ่ไหว้เด็ก”

แพรรี่ยังกล่าวอีกว่า มันเป็นเรื่องปกตินะคะ บุตรธิดาต้องอยู่ในโอวาทของพ่อแม่ พ่อแม่สั่งสอนแล้วเป็นคุณงามความดี แต่แปลกใจที่สังคมบางส่วนวิปริต พ่อแม่อยู่ในโอวาทลูกก็มีเยอะ ไม่กล้าดุด่าว่ากล่าวตักเตือนลูก จนลูกมีพฤติกรรมไม่น่ารัก เพราะพ่อแม่ไม่กล้าดุ เพราะกลัวว่าดุแล้วเดี๋ยวลูกไม่พอใจ ทำให้เด็กคิดว่าสิ่งที่ทำถูกหมด น้องใบบุญก็สังเกต ถ้าเป็นพฤติกรรมส่วนตัวน้อง คุณแม่ก็เตือนตลอด ไม่ใช่น้องมีลักษณะพูดธรรมะ อยากบวช แล้วไปยกให้น้องเป็นพระอรหันต์หรืออะไรไปเลย คุณแม่เขาแยกแยะ

กรรชัยกล่าวเสริมและถามแม่นิดว่า จะไปเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญคือการขัดเกลาของครอบครัว ไม่ใช่การชี้นำ ค่อย ๆ บอกค่อย ๆ คุยกับเขา อันไหนไม่ถูกไม่ควรต้องเตือนเขา สุดท้ายเขาคิดเอง เด็ก 1-5 ขวบ เป็นช่วงวัยที่เราบรรจุทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาได้ ถ้าบรรจุสิ่งไม่ดีให้เขา 1-5 ขวบ เขาก็จะจำสิ่งเหล่านั้นไป ตามหลักจิตวิทยาเด็กเลย เคยคิดว่าลูกเป็นผู้วิเศษมั้ย ?

แม่นิดตอบว่า ไม่นะ ก็เป็นปกติของเด็กทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษ พิเศษคือดื้อแค่นั้นเอง (หัวเราะ) ธรรมชาติ ตั้งแต่เกิดมาไม่มีความพิเศษอะไร วิ่งเล่นกับเพื่อนก็ปกติค่ะ แต่ใบบุญบอกว่า หนูพิเศษสองอย่าง ทั้งดื้อทั้งกินเก่ง นี่คือเด็กพิเศษ

กรรชัยได้ถ้าในช่วยท้ายว่า พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ถ้าจำไม่ผิด มาตรา 26 อนุ 5 สามารถเอาผิดคนอยู่ข้างหลังให้การเสี้ยมสอน กรณีน้องใบบุญ เขาเป็นคนใฝ่รู้ ชอบเรื่องธรรมะ บอกคนได้ ทำไมไม่เห็นว่าลูกเราเป็นผู้วิเศษ ?

แม่นิดได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า มองลูกยังเป็นเด็ก ไม่รู้จะเอามาเป็นผู้วิเศษยังไง เด็กก็ใช้ชีวิตไปตามวัย ขณะที่เขาได้รู้ได้ฟังได้เห็น สิ่งแวดล้อมที่เขาได้ซึมซับเข้ามา เราไม่ได้รู้สึกว่าลูกเป็นผู้วิเศษหรือยังไง เราก็อยู่กับลูกแบบนี้ สิ่งที่ลูกได้เห็นคือพ่อแม่พาไปไหนพาเข้าวัด พาไปรับคำสอนจากครูบาอาจารย์ แล้วบางทีเห็นคลิปว่าเราไปอุปัฏฐากครูบาอาจารย์ ทำไมถึงเลือกเส้นทางนี้ หนูรู้สึกว่าเมื่อพาลูกไปใกล้พระพุทธศาสนามาก ๆ อย่างน้อย ๆ ให้เขาอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ ไม่ใช่หนูมาพูดให้ลูกฟังอย่างเดียว บางทีคำสอนของหนูที่อาจสื่อสารคำสอนธรรมะให้ลูกผิดเพี้ยนได้ ก็อาศัยครูบาอาจารย์ที่มีภูมิรู้ด้วย

ถูกเปรียบมวยกัน

ล่าสุดกับกรณีที่โซเชี่ยลมีการนำครอบครัวไปเปรียบเทียบกับครอบครัวน้องไนซ์นั้น แม่นิดกล่าวว่า ไม่ได้กังวลอะไร เพราะคนเรามีความรู้สึก รัก เกลียด มีชอบ และก็ไม่ชอบ แต่เคยบอกตั้งแต่แรกว่าอย่าเอามาเปรียบเทียบกัน เพราะสุดท้ายแล้วก็สงสารเด็ก เด็กไม่รู้อะไรเลยทั้งสองคน ผู้หลักผู้ใหญ่ก็เอาไปเปรียบเทียบ ทั้งที่แม่ก็บอกว่าอย่าเอามาเปรียบเทียบกัน เพราะเข้าใจในหัวอกความเป็นพ่อเป็นแม่ของน้องไนซ์เหมือนกัน พ่อแม่ทำหน้าที่ปกป้องลูกทุกคน แม่จึงอยากให้คิดแบบนี้ว่า เรารักใคร เราก็ไปทางคนนั้นไปติดตามคนนั้น อย่าเอามาเปรียบเทียบกัน และอย่าเอาเด็กสองคนมาเป็นเครื่องมือ มาด่ากันแบบนี้

“แม่จะไม่ตอบโต้อะไร เพราะเชื่อว่าทุกคนมีสิทธิ์ปกป้องตัวเอง รักลูกทุกคน อยากให้กำลังใจทางครอบครัวน้องไนซ์ และฝากถึงแฟนคลับและผู้ใหญ่ทุกคนว่าอย่าเอาน้องใบบุญไปเปรียบเทียบเลย ที่พูดวันนี้ไม่ได้อยากโจมตีใคร แต่ที่พูดคือพูดในสิ่งที่ครอบครัวเราเป็น”

ส่วนเรื่องการเชื่อมจิตนั้น น้องใบบุญบอกว่า “ทำไม่ได้ แต่สนใจในเรื่องของธรรมะเท่านั้น” (ที่มา : amarintv)

มารศาสนาเกิดทุกวัน

ขณะเดียวในวงการพระสงฆ์ไทย ผู้เป็นแบบอย่างในการทำความดีและเป็นผู้ที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา กลับมาพระสงฆ์บางรูปประพฤติผิดนอกรีต หรือที่เรียกกันว่า “มารศาสนา” ซึ่งเป็นข่าวฉาวในวงการผ้าเหลืองไม่เว้นในแต่ละวัน โดยเรื่องนี้ ดร.ชาญณรงค์ บุญหนุน อาจารย์ภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ให้เคยให้สัมภาษณ์กับ “มติชนสุดสัปดาห์” เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง “ผู้เป็นพระกระทำความผิดทางศาสนาให้เราเห็นมากขึ้นทุกวัน” นี้ไว้ว่า

ความจริงแล้วการทำความผิดในศาสนามันก็มีมานานแล้ว ถ้าเราย้อนไปดูในเรื่องเล่าทางศาสนา หรือในพระวินัยเราก็จะเห็นว่าเรื่องราวของพระผู้ที่ทำผิดในเรื่องต่าง ๆ ก็มีอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ในยุคของพระพุทธเจ้าหรือหลังจากนั้น ส่วนเรื่องการกระทำความผิดเหล่านี้มีมากขึ้น หรือน้อยลงนั้นก็ไม่ได้มีสถิติออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน แต่ส่วนนึงที่เราอาจเห็นว่าเรื่องพวกนี้มันมีเยอะขึ้นในปัจจุบัน ก็อาจเป็นเพราะโลกของการสื่อสารมันกว้างขึ้น การกระทำเหล่านี้จึงสามารถถูกทำให้ปรากฏออกมาได้ง่ายขึ้น

และคำถามที่ว่า “สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่กำกับดูแลสงฆ์ ทำอะไรอยู่ทำไมถึงแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้สักที” คำถามนี้ ดร.ชาญณรงค์ได้ให้คำตอบว่า เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้วใครเป็นผู้รับผิดชอบที่แรกที่เรานึกถึงเลยคือองค์กรที่เกี่ยวข้องโดยตรงอย่าง คณะสงฆ์ของบ้านเราซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นองค์กรที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในแง่ของการจัดการผู้กระทำความผิด นั่นก็เพราะระบบการแก้ปัญหาของคณะสงฆ์นั้น ขาดทั้งองค์ความรู้ และกระบวนการที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา

“ย้อนกลับไปในอดีตผู้ที่จัดการปัญหาเหล่านี้ก่อนที่จะมี พ.ร.บ.คณะสงฆ์คือ กรมสังฆการี(ปัจจุบันคือสำนักงานพระพุทธศาสนา) ซึ่งมีอำนาจในการจัดการ หรือสึกพระได้และเป็นการรับคำสั่งมาจากพระมหากษัตริย์โดยตรงทำให้สามารถจัดการได้โดยที่ไม่ต้องกลัวอะไร เมื่อเวลาผ่านไปไม่มีองค์กรที่มีพระมหากษัตริย์คอยควบคุม แต่เปลี่ยนมาเป็นให้พระจัดการกันเองก็กลายเป็นว่าไม่สามารถจัดการกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อทางคณะสงฆ์ไม่มีความสามารถในการจัดการปัญหาแล้วก็มีการโยนปัญหานี้กลับไปให้ทาง สำนักงานพุทธฯ แต่เพราะตามกฎหมายการแก้ไขปัญหาถูกปล่อยให้เป็นเรื่องของคณะสงฆ์ ทางสำนักงานพุทธฯ จึงไม่ได้เข้ามารับผิดชอบเรื่องปัญหาเหล่านี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการโยนปัญหากันไปกันมา ทำให้การแก้ไขปัญหาจึงไร้ประสิทธิภาพเช่นเดิมW

ดร.ชาญณรงค์ ยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ที่สำคัญอีกอย่างคือตอนนี้สำนักพระพุทธศาสนาทำหน้าที่เป็นเครื่องมือของ“รัฐ”มากกว่าของคณะสงฆ์โดยตรง ซึ่งเมื่อจะให้คณะสงฆ์จัดการแก้ปัญหาต่าง ๆ กันเอง แต่กลับไม่สามารถใช้เครื่องมือของรัฐเข้ามาช่วยจัดการได้ ก็เหมือนกับทางคณะสงฆ์มีสิทธิแต่ไม่มีอำนาจในการจัดการปัญหาเหล่านี้ ซึ่งก็เป็นการตอบคำถามว่า ทำไมสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงไม่สามารถจัดการปัญหาที่พระสงฆ์กระทำความผิดเช่นนี้ได้สักที (ที่มา : matichonweekly)

รมต.ชี้ปม“พระทำผิดธรรมวินัย”

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบกระทู้คำถามทั่วไป ของ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร สมาชิกวุฒิสภา เรื่อง “การแก้ไขปัญหาการดำเนินคดีความกับพระสงฆ์ที่ต้องขาดสมณเพศ ในระหว่างดำเนินกระบวนการยุติธรรม” รวมถึงเสนอแนะแนวทางการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

โดย พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของสงฆ์ ที่ทำผิดพระธรรมวินัยเป็นจำนวนมาก จนชาวบ้านหมดศรัทธา ไม่อยากร่วมทำบุญด้วย จึงขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดและทั่วถึง โดยเสนอให้มีการจัดตั้งอาสาสมัครของสำนักพุทธฯ เพื่อสนองงาน สอดส่อง ดูแล ป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำผิดพระธรรมวินัยในแวดวงสงฆ์

ด้าน ดร.พวงเพ็ชร ชี้แจงว่ามาตรการในการแก้ไขปัญหากรณีพระภิกษุกระทำความผิด เป็นไปตามมหาเถรสมาคมได้ออกกฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง มติ ต่าง ๆ ในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้บูรณาการกับ กอ.รมน. และพระวินยาธิการ ในการสอดส่อง ดูแล มิให้พระสงฆ์มีการกระทำความผิด โดยมีสายด่วนความมั่นคง 1374 ในการรับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหา กรณีพบเห็นพระภิกษุกระทำความผิด ตลอด 24 ชั่วโมง และยังได้สนับสนุนข้อมูลให้เจ้าคณะผู้ปกครองในการดำเนินการสอบสวนและพิจารณาโทษตามความผิดแห่งพระธรรมวินัย ขณะเดียวกันสำนักพุทธฯ ยังได้มีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลพระกับทางกระทรวงมหาดไทย เพื่อตรวจสอบตัวตนของผู้บวชเป็นพระ รวมถึงประวัติอาชญากรรม ป้องกันการกระทำที่ไม่เหมาะสมในแวดวงคณะสงฆ์

“ต้องขอขอบคุณข้อเสนอแนะแนวทางในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ซึ่งปัจจุบัน รัฐบาลกำลังดำเนินการสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงศาสนา โดยมีการพัฒนาวัดรองรับการท่องเที่ยว และเชื่อมโยงข้อมูลวัดกับทาง ททท. ตั้งเป้าเป็นจุดหมายปลายทางสถานที่ปฏิบัติธรรมของโลก” ดร.พวงเพ็ชร กล่าว(ที่มา : thaigov)

เปิดสายด่วนรับเรื่องร้องเรียน       

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดสายด่วน 1374 รับเรื่องร้องเรียนกรณีพระสงฆ์มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่เกิดกระแสข่าวพระสงฆ์มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง จึงมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศประสานงานฝ่ายปกครองในพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดในการลงพื้นที่มากขึ้น รวมทั้งรายงานมายังส่วนกลางเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงรุก รวมทั้งประสานกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรทุกจังหวัด เพราะกรณีของพระสงฆ์กระทบต่อความมั่นคงของสถาบันศาสนา หากประชาชนพบเบาะแสพระสงฆ์ที่ประพฤติไม่เหมาะสม ให้แจ้งผ่านสายด่วน 1374 ที่จะมีการประสานการทำงานของหน่วยงานดังกล่าว รวมถึงพระวินยาธิการ หรือ ตำรวจพระ นำตัวไปดำเนินการตามขั้นตอน

“สำหรับการดำเนินการกรณีพระสงฆ์มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จะดำเนินการภายใต้หลักธรรมวินัยของสงฆ์และกฎหมายบ้านเมือง พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมามีการตรวจสอบและดำเนินการกับพระสงฆ์ที่ประพฤติไม่เหมาะสมมาตลอดทั้งการหาหลักฐานประกอบความผิด ส่งให้กับคณะสงฆ์ดำเนินการ เนื่องจากไม่มีอำนาจชี้ชัดว่าพระสงฆ์มีความผิดตามพระธรรมวินัย” (ที่มา  thainews.prd.go.th)

ภาพ : amarintv,โหนกระแส,อินเทอร์เน็ต

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 429 ระหว่างวันที่ 26 เม.ย.-3 พ.ค.67

หน้า 2-3 สกู๊ปปก

บ่วง(น้อง)ใบบุญ

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ ๔๒๙

ระหว่างวันที่ ๒๖ เมษายน-๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗

https://book.bangkok-today.com/books/lsuh/#p=1

(พลิกอ่านได้เหมือนหนังสือปกติ)

 

 

The post บ่วง(น้อง)ใบบุญ…สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม first appeared on สำนักข่าว บางกอก ทูเดย์.



บ่วง(น้อง)ใบบุญ…สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

บ่วง(น้อง)ใบบุญ…สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

บ่วง(น้อง)ใบบุญ…สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

บ่วง(น้อง)ใบบุญ…สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
บ่วง(น้อง)ใบบุญ…สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
Ads Links by Easy Branches
เล่นเกมออนไลน์ฟรีที่ games.easybranches.com

บริการโพสต์ thainews.easybranches.com/contribute