‘บุญลาโภ’ แตกไลน์จากเครื่องเสียง สู่ขนมหวาน ดึง Pasticceria Cova ร้านขนมพรีเมียมจากอิตาลี เปิดสาขาแรกในไทย
ปัจจุบัน ธุรกิจต่างๆ รวมถึงธุรกิจไลฟ์สไตล์ ได้ผันตัวเข้ามาเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในธุรกิจอาหารกันมากขึ้น โดยเฉพาะกับธุรกิจคาเฟ่ขนมหวาน ที่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมและเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยข้อมูลจาก Statista เผยว่า ตลาดขนมหวานโลกมีมูลค่ากว่า 586
ปัจจุบัน ธุรกิจต่างๆ รวมถึงธุรกิจไลฟ์สไตล์ ได้ผันตัวเข้ามาเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในธุรกิจอาหารกันมากขึ้น โดยเฉพาะกับธุรกิจคาเฟ่ขนมหวาน ที่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมและเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยข้อมูลจาก Statista เผยว่า ตลาดขนมหวานโลกมีมูลค่ากว่า 586.30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024
และคาดว่าจะเติบโตที่ 5.40% ต่อปี (CAGR 2024-2029) ไปถึง 5.68% ต่อปี (CAGR 2024-2034) หรือคิดเป็นประมาณ 466.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2034 แม้ว่าเทรนด์รักสุขภาพกำลังมาแรง แต่ตลาดขนมหวานก็ยังเป็นธุรกิจที่น่าสนใจและมีผู้เล่นเข้ามาในตลาดอยู่เรื่อยๆ
จากธุรกิจเครื่องเสียงสุดหรู สู่ผู้เล่นหน้าใหม่วงการขนมหวาน
Boonlapo (บริษัท บุญลาโภ จำกัด) ก่อตั้งขึ้นในปี 2020 จากความชื่นชอบเรื่องเทคโนโลยี ดีไซน์ และนวัตกรรม ของ “ทรงพล บุญลาโภ” จนกลายมาเป็นตัวแทนนำเข้าและจำหน่ายเครื่องเสียงรวมถึงมือถือหรูในประเทศไทย อาทิ B&O (Bang & Olufsen), CAVIAR, COTODAMA, PANTHEONE, LOEWE, CABASSE, LAMETRIC และ SOLID เป็นต้น
ปัจจุบันบริษัทฯ มีหน้าร้านจำหน่ายเครื่องเสียงรวม 7 แห่ง แบ่งเป็น Services Center 1 แห่ง , ร้านแบรนด์ Bang & Olufsen 5 แห่ง และ ร้านแบรนด์ Caviar & Cotodama 1 แห่ง รวมถึงช่องทางออนไลน์และโซเชียล เช่น เว็บไซต์ของบริษัท, Shopee, Lazada, ONESIAM SuperApp, Central Online, LINE OA, NocNoc, OfficeMate และ TikTok โดยบริษัทฯ มีฐานลูกค้ารวมทั้งหมดประมาณ 6,000 – 7,000 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มคนช่วงอายุประมาณ 35 – 40 ปีที่มีกำลังซื้อสูง
นอกจากเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมแล้ว ทรงพล ยังมีความหลงไหลในด้านอาหาร โดยเฉพาะกับ ‘ขนมหวาน’ ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ โดยเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ทรงพลและครอบครัวได้ไปท่องเที่ยวที่ประเทศอิตาลี และได้ใช้บริการรวมถึงรับประทานอาหารของทาง Pasticceria Cova (ปาสติเซเรีย โควา) แล้วรู้สึกชื่นชอบและประทับใจ จึงได้ขอให้พาร์ทเนอร์ที่รู้จักกันอยู่แล้ว ช่วยติดต่อกับทางเจ้าร้านซึ่งก็คือ Paola Faccioli ในการพูดคุยการทำธุรกิจร่วมกัน
เนื่องจาก ทรงพล เล็งเห็นถึงศักยภาพของ Pasticceria Cova ที่มีประวัติศาสตร์ร้านมาอย่างยาวนานและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่ผู้บริโภคชาวยุโรป รวมถึงนักท่องเที่ยวไทยที่เคยเดินทางไปเยี่ยมเยือน ผนวกกับความชื่นชอบในเรื่องของประวัติศาสตร์ ความลักชูรี่ อาหาร และขนมหวาน อีกทั้งตลาดขนมหวานที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ทรงพลตัดสินใจก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นใหม่ในตลาดขนมหวานของประเทศไทยเป็นครั้งแรก
ลงทุน 100 ล้านบาท ดึง ‘Pasticceria Cova’ ช่วยขยายไลน์ธุรกิจ
แม้ว่าธุรกิจของหวานในเมืองไทยมีการแข่งขันกันสูงมาก แต่ด้วยอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ก่อนหน้านั้นก็มีธุรกิจไลฟ์สไตล์ ผันตัวมาทำธุรกิจอาหารเช่นเดียวกัน อาทิ พีพี กรุ๊ป (PP GROUP) ผู้ได้รับลิขสิทธิ์นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมจากต่างประเทศมากมายไม่ต่ำกว่า 11 แบรนด์ ซึ่งรวมถึงแบรนด์ Maison Kitsuné (เมซง คิทสึเนะ) ที่ได้มีการต่อยอดเป็น Café Kitsuné (คาเฟ่ คิสซึเนะ) และได้ขยายตลาดเข้ามาเปิดในไทย
หรือจะเป็น ธนจิรา กรุ๊ป ที่เป็นผู้ได้รับสิทธินำเข้า “Marimekko” (มารีเมกโกะ) “ถุงผ้าลายดอก” สีสันสดใสที่เป็นแบรนด์เก่าแก่ของฟินแลนด์มาจัดจำหน่ายในประเทศไทย ก่อนที่ในกลางปี 2565 จะขยายไลน์ธุรกิจ ทำ Marimekko Kafé (มารีเมกโกะ คาเฟ่) จากไอเดีย “เชื่อมโยง Marimekko บนโต๊ะอาหาร” กับผู้คนของธนจิราที่เสนอให้บริษัทแม่ด้วยตนเอง ขึ้นเป็นแห่งแรกในโลก เป็นต้น
แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ที่แบรนด์ไลฟ์สไตล์จะเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดคาเฟ่ขนมหวาน อีกทั้งมีร้านขนมหวานประเภทต่างๆ เกิดขึ้นมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ทรงพลเชื่อว่า ยังมีช่องว่างของตลาดที่ให้ผู้เล่นใหม่ได้เข้าไปชิงส่วนแบ่งได้อยู่ โดยทรงพลใช้เวลาตกลงเจรจากันกว่า 6 เดือน พร้อมเงินลงทุนอีก 100 ล้านบาท
ยก Pasticceria Cova มาบุกตลาดอาหารและขนมหวานไทย ในโมเดลร้านแบบแฟรนไชส์ พื้นที่ขนาด 550 – 600 ตร.ม. ที่ยังยึดความเป็นต้นฉบับออริจินัลทุกอย่าง เพราะจะเน้นการนำเข้าสินค้าจาก Pasticceria Cova มาจัดจำหน่ายในร้าน คิดเป็นสัดส่วน 60% และอีก 40% เป็นการทำขนมหวานและอาหารสูตรต้นตำรับ ที่ทางบริษัทฯ ได้ส่งเชฟไปเรียนทำจากมิลานโดยตรง
Pasticceria Cova Montenapoleone เป็นหนึ่งในร้านคาเฟ่ขนมหวานพรีเมียมที่เก่าแก่ที่สุดในมิลาน ที่ก่อตั้งเมื่อปี 1817 ถือเป็น ‘All Day Dining Café & Restaurant’ ที่นำเสนอเค้กและขนมหวานต้นตำรับที่เป็นเอกลักษณ์หลากหลายเมนู ด้วยความตั้งใจ และความพิถีพิถันในการทำ รวมไปถึงอาหารและเครื่องดื่ม ตั้งแต่เมนู Breakfast, Brunch, Lunch จนไปถึง Dinner
และก่อนหน้านั้นยังมีการเปิดสาขาแฟรนไชส์ในหลากหลายประเทศ ทั้งฝรั่งเศส โมนาโก เอเธนส์ อิสตันบู คูเวต ริยาร์ด โดฮา เฉิงตู ซูโจว หางโหว เซี่ยงไฮ้ (9 แห่ง) มาเก๊า ฮ่องกง (11 แห่ง จากเดิมมี 12) และได้รับความนิยมจากผู้ที่รู้จักและชื่นชอบแบรนด์อย่างต่อเนื่อง จนในปี 2013 ‘LVMH’ บริษัทสินค้า Luxury ที่มีแบรนด์หรูในพอร์ตมากกว่า 75 แบรนด์ เข้ามาซื้อกิจการ
ปักหมุด One Bangkok แห่งแรก
นอกจากนั้น ทรงพลเผยว่า ได้เลือกห้าง One Bangkok ให้เป็นทำเลที่ตั้งของร้าน Pasticceria Cova เพราะเป็นโครงการใหญ่ใจกลางเมือง ที่รวบรวมเอาทั้งห้างฯ คอมมูนิตี้มอลล์ Retail ออฟฟิศ คอนโด โรงแรม
โดยเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่จะจัดจำหน่ายที่ร้านกำลังอยู่ในขั้นตอนการคัดเลือกอย่างเหมาะสมกับทาง Pasticceria Cova โดยจะมีตั้งแต่เมนูขนมหวานที่ราคาอยู่ระหว่าง 250 – 500 บาท เมนูสลัด หรือ ของทานเล่น ราคาประมาณ 150 – 350 บาท และเมนูอาหารจานหลักจะมีราคาระหว่าง 650 – 1500 บาท เป็นต้น
ตอนนี้ Pasticceria Cova ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ มีแผนที่จะเปิดช่วงไตรมาส 2 ของปีหน้าที่ One Bangkok จากนั้นเตรียมแผนการขยายสาขาที่ตั้งเป้าว่าจะมีการขยายเพิ่มอีก 5 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า ซึ่งรูปแบบร้านวางแพลนไว้ว่าจะทำเป็นสโตร์ที่อาจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ไปตั้งร้านในอนาคต