ต่างประเทศ
วิเคราะห์เป้าหมายทรัมป์ ยุติสงครามในกาซ่า-ยูเครน ซับซ้อนเพียงใด?
ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามในยูเครนและตะวันออกกลาง แต่สัญญาเหล่านั้นยังไม่มีรายละเอียดในทางปฏิบัติ อดีตประธานาธิบดีที่กำลังจะกลับมาบริหารประเทศที่ทำเนียบขาวอีกครั้ง จะต้องเข้านำพารัฐบาลของเขา ท่ามกลางสงครามระ
ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามในยูเครนและตะวันออกกลาง แต่สัญญาเหล่านั้นยังไม่มีรายละเอียดในทางปฏิบัติ
อดีตประธานาธิบดีที่กำลังจะกลับมาบริหารประเทศที่ทำเนียบขาวอีกครั้ง จะต้องเข้านำพารัฐบาลของเขา ท่ามกลางสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาส รวมทั้งการต่อสู้หลังจากที่รัสเซียรุกรานยูเครน
ทรัมป์ได้กล่าวไว้ว่า "ไม่มีอะไรที่จะสามารถหยุดผมที่จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพวกคุณ เหล่าประชาชน เราจะทำให้อเมริกา ปลอดภัย เเข็งเเกร่ง รุ่งเรือง ทรงพลังและเสรีอีกครั้งหนึ่ง"
ทรัมป์จะเริ่มบริหารประเทศอย่างเป็นทางการวันที่ 20 ม.ค. แต่เขาได้เริ่มพูดคุยกับผู้นำโลกคนอื่น ๆ บ้างเเล้ว เช่นนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู และประธานาธิบดียูเครนโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี
รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธรายงานที่ว่าทรัมป์ได้พูดคุยกับประธานาธิยดีวลาดิเมียร์ ปูตินแล้ว
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่ทรัมป์สัญญาที่จะทำให้สงครามต่าง ๆ จบลงโดยเร็ว เเสดงให้ห็นว่าเขาพร้อมจะทำเช่นนั้นจริง
"เมื่อพูดถึงตะวันออกกลาง ผมคิดว่า คงมีบางวิธีที่จะส่งสัญญาไปว่า 'เร็วเข้า รีบทำให้สงครามจบลง" กล่าวชาลส์ คุปชาน นักวิจัยอาวุโสแห่ง Council on Foreign Relations
คุปชานบอกด้วยว่าสัญญาณจากทรัมป์สู่ยูเครนจะมีความชัดเจนว่า เข้าต้องการให้ความขัดแย้งกับรัสเซียจบลง
ทรัมป์ไม่เคยให้รายละเอียดว่าจะทำอย่างไรให้สงครามจบลง แต่มักวิจารณ์เรื่องเงินหลายพันหลายหมื่นล้านที่สหรัฐฯ ใช้ไปเพื่อช่วยเหลือยูเครน หากว่าจะมีทางออกให้สงครามจบลงที่นั่น รัฐบาลกรุงเคียฟต้องเป็นฝ่ายยอมถอย ซึ่งคงจะเป็นเรื่องยากที่เซเลนสกีจะยอมรับได้
ผู้นำยูเครนกล่าวว่า "เราต้องการเห็นการจบลงของสงครามอย่างมีความยุติธรรม ผมเชื่อว่าหากจบลงอย่างรวดเร็วมันหมายถึงความพ่ายเเพ้"
ขณะนี้เกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยมอสโก สงครามในยูเครนอาจมีผลในทางปฏิบัติกว้างขวาง ในเวลาเดียวกับที่ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีก็ทวีความเข้มข้นขึ้น
สำหรับสงครามในตะวันออกกลาง ทรัมป์ย่อมจะต้องบริหารจัดการความสัมพันธ์กับอิสราเอล ที่ต้องการขยายผลของเป้าหมายของตนอย่างเต็มที่ มากไปกว่าการหยุดยิงและไม่ใช่เพียงกับฮามาสเท่านั้น แต่รวมถึงกับเฮซบอลลาห์ในเลบานอน โดยทั้งสองกลุ่มเป็นขบวนการที่เป็นตัวเเทนของอิหร่าน
นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู กล่าวว่า "เรารับรู้ได้ถึงภัยคุกคามจากอิหร่าน ในทุกองค์ประกอบและอันตรายของมัน และเราก็รับรู้ได้ถึงโอกาสที่ยิ่งใหญ่ตรงหน้าของอิสราเอล ในเรื่องของสันติภาพและการแผ่ขยาย"
นอกจากนี้ ทรัมป์กล่าวว่าจะดำเนินนโยบายที่เเข็งขันด้านการค้า โดยเฉพาะกับจีน
ประธานาธิบดีจีนสี จิ้นผิง ได้กล่าวในตอนเเสดงความยินดีกับทรัมป์ที่ชนะการเลือกตั้งว่าเขาต้องการเห็นความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ที่ "มั่นคง เเข็งเเรงและยั่งยืน"
เหมา หนิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวว่า "สี จิ้นผิง ชี้ให้เห็นว่า ประวัติศาสตร์เผยว่าจีนและสหรัฐฯ ได้ประโยชน์จากการร่วมมือกัน และเจ็บปวดจากการเผชิญหน้ากัน" ที่มา: วีโอเอ