ต่างประเทศ
‘ทรัมป์’ เสนอคนใกล้ชิด ‘จอห์น แรทคลิฟฟ์’ นั่งผอ.ซีไอเอ
ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ หันไปเสนอชื่อคนใกล้ชิดและบุคคลที่เหนือความคาดหมายให้มารับหน้าที่สำคัญของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ในวาระการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยสองของเขาที่จะเริ่มต้นในเดือนมกราคมปีหน้า เมื่อวันอังคาร ทรัมป์ เสนอชื่อ จอห์น แ
ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ หันไปเสนอชื่อคนใกล้ชิดและบุคคลที่เหนือความคาดหมายให้มารับหน้าที่สำคัญของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ในวาระการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยสองของเขาที่จะเริ่มต้นในเดือนมกราคมปีหน้า
เมื่อวันอังคาร ทรัมป์ เสนอชื่อ จอห์น แรทคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA)
โดยทรัมป์ ยกย่องแรทคลิฟฟ์ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ว่าเป็น “นักต่อสู้เพื่อความจริงและความซื่อสัตย์” และยกย่องการ "เปิดโปงการสมรู้ร่วมคิดของรัสเซียจอมปลอม"
แรทคลิฟฟ์ อดีตส.ส.รัฐเท็กซัสที่ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมาธิการด้านข่าวกรองแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างเหนียวแน่น
ขณะที่การเสนอชื่อแรทคลิฟฟ์เมื่อปี 2019 และปี 2020 ในช่วงที่ทรัมป์เป็นผู้นำสมัยแรก ก็สร้างประเด็นถกเถียงในเรื่องข้อกล่าวหาว่าพูดเกินจริงเรื่องผลงานความสำเร็จในด้านการต่อต้านการก่อการร้ายเมื่อสมัยดำรงตำแหน่งอัยการรัฐ ก่อนจะได้รับการรับรองให้ดำรงตำแหน่งด้วยแรงสนับสนุนจากสว.รีพับลิกันในช่วงนั้น
แรทคลิฟฟ์ สร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นผอ.ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ ที่มีบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์เป็นคนแรก และเผยแพร่ข้อมูลข่าวกรองระหว่างอดีตที่ปรึกษาความมั่นคงของทรัมป์ ไมเคิล ฟลินน์ กับเจ้าหน้าที่รัสเซีย
นอกจากนี้ เขายังกล่าวหากจีนว่าเป็นฝ่ายต้องรับผิดชอบในการปล่อยให้โควิด-19 ระบาด ซึ่งก่อนเขาจะพ้นจากตำแหน่งไป เขาได้เขียนบทความที่เผยแพร่ใน The Wall Street Journal โดยเรียกจีนว่าเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยและชาติตะวันตกที่เป็นวาระเร่งด่วนที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
ปัจจุบัน แรทคลิฟฟ์ นั่งเก้าอี้ประธาน Center for American Security ที่ America First Policy Institute และเป็นผู้ร่วมเขียนสรุปนโยบายเกี่ยวกับการรุกรานยูเครนของรัสเซีย โดยแสดงการสนับสนุนชัยชนะของยูเครนในระหว่างที่สนับสนุนการผลักดันการเจรจาและการลดระดับความขัดแย้งที่มีสหรัฐฯ เป็นแกนนำด้วย
และในค่ำวันพุธ ทรัมป์เสนอชื่ออดีตส.ส.พรรคเดโมแครต ทุลซี แกบบาร์ด ให้เป็นผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ และดูแลหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ 18 แห่ง ซึ่งทั้งสองต้องได้รับมติรับรองจากวุฒิสภาที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในขั้นตอนต่อไป
การเสนอชื่อแกบบาร์ด ให้รับตำแหน่งผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ ได้สร้างความประหลาดใจให้กับส.ส.และอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองมากมาย โดยแกบบาร์ด เป็นเจ้าหน้าที่แนชันแนลการ์ดแห่งกองทัพบกสหรัฐฯ มานานกว่า 20 ปี ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในอิรักและคูเวต ก่อนจะกลายเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายฮินดูคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในรัฐฮาวาย ซึ่งตอนนั้นเธอสังกัดพรรคเดโมแครต
ทรัมป์ ผู้ให้สัญญาในช่วงหาเสียงว่าจะจัดการสิ่งที่เขาเรียกว่าการทุจริตในหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ได้ยกย่องวิถีทางของแกบบาร์ดว่า “จะนำความกล้าหาญในอาชีพของเธอมาสู่ชุมชนข่าวกรองของเรา ปกป้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญของเรา และรักษาสันติภาพด้วยความเข้มแข็ง”
อย่างไรก็ตาม จุดยืนของแกบบาร์ด ได้ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน อย่างเมื่อปี 2017 เธอถูกวิจารณ์เรื่องการเดินทางไปซีเรียเพื่อพบกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่ถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมสงคราม ซึ่งเธอแย้งว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องพบกับศัตรูหาก “คุณจริงจังในการสร้างสันติภาพ”
ซึ่งส.ส.รัฐเวอร์จิเนีย แอบิเกล สแปนเบอร์เกอร์ อดีตเจ้าหน้าที่ Cybersecurity and Infrastructure Security Agency โพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ X เมื่อวันพุธว่าเธอตกใจกับการเสนอชื่อแกบบาร์ด “ไม่เพียงแต่เธอไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ แต่เธอส่งต่อทฤษฎีสมคบคิดและใกล้ชิดกับผู้นำเผด็จการอย่างบาชาร์ อัล-อัสซาด และวลาดิเมียร์ ปูติน” และแสดงความกังวลเรื่องการเสนอชื่อแกบบาร์ดต่อความมั่นคงแห่งชาติ ที่มา: วีโอเอ