ต่างประเทศ
'ประชุม จี20' เริ่มแล้วที่บราซิล ภายใต้ความไม่แน่นอนการเมืองโลก
ประธานาธิบดีบราซิล ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา เป็นประธานเปิดการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก 20 ประเทศ หรือ จี20 (G20) ในวันจันทร์ พร้อมกับมีการเปิดตัวกลุ่มพันธมิตรระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับปัญหาความยากจนและผู้หิวโหย การประชุม จี20
ประธานาธิบดีบราซิล ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา เป็นประธานเปิดการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก 20 ประเทศ หรือ จี20 (G20) ในวันจันทร์ พร้อมกับมีการเปิดตัวกลุ่มพันธมิตรระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับปัญหาความยากจนและผู้หิวโหย
การประชุม จี20 ปีนี้จัดขึ้นที่นครริโอ เดอ จาเนโร ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. โดยมีประเด็นสำคัญคือเรื่องการค้า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และความมั่นคง ภายใต้การเปลี่ยนขั้วการเมืองของสหรัฐฯ เมื่ออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งอีกครั้งในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้า
ปธน.ลูลาแห่งบราซิล กล่าวว่า ผลกระทบอันเลวร้ายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสามารถเห็นได้ทั่วโลก พร้อมเรียกร้องให้บรรดาผู้นำร่วมมือกันแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนและความยากจน
ที่ประชุมยังได้เปิดตัวคณะทำงานชุดใหม่เพื่อต่อสู้กับความยากจนและความหิวโหย โดยได้รับการสนับสนุนจากสหภาพแอฟริกา สหภาพยุโรป องค์กรระหว่างประเทศ ธนาคารเพื่อการพัฒนา และองค์กรการกุศลต่าง ๆ เช่น มูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation)
รักษาความปลอดภัยเข้มข้น
มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทั่วเมืองริโอ เดอ จาเนโร ระหว่างการประชุมครั้งนี้ และมีรายงานการยิงกันที่สลัมแห่งหนึ่งก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง ห่างจากสถานที่จัดการประชุมราว 20 กม. ซึ่งทางตำรวจได้เร่งไปยังที่เกิดเหตุ แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เดินทางเข้าร่วมประชุม จี20 ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะส่งมอบตำแหน่งให้แก่ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ ในอีกสองเดือน ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยเฉพาะยูเครนและกาซ่า
ไบเดน มีกำหนดประกาศสนับสนุนด้านการเงินแก่กองทุนแก้ปัญหาความยากจนของธนาคารโลก และเปิดตัวโครงการความร่วมมือด้านพลังงานสะอาดระหว่างสหรัฐฯ กับบราซิล ในการประชุมครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมประชุมมีความกังวลถึงโอกาสเกิดสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลอเมริกันชุดใหม่ หลังจากที่ทรัมป์เคยประกาศว่าจะเพิ่มกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนและหลายประเทศ ที่มา: รอยเตอร์