Ford สนับสนุนรถไฟฟ้าขนาดเล็ก ตั้งเป้าผลิตรถราคาต่ำในปี 2027
เรื่อง : AREA 54 ● หรือจะถึงเวลาสิ้นสุดของยุครถอเมริกันคันโต? Jim Farley, CEO ฟอร์ด มอเตอร์ ประกาศสนับสนุนให้คนอเมริกันหันมายอมรับรถยนต์ที่มีขนาดเล็กลง พร้อมตั้งเป้าผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็กราคาไม่เกิน 30,000 ดอลลาร์ (ราว 1 ล้านบาทนิดๆ) ภ
เรื่อง : AREA 54
● หรือจะถึงเวลาสิ้นสุดของยุครถอเมริกันคันโต? Jim Farley, CEO ฟอร์ด มอเตอร์ ประกาศสนับสนุนให้คนอเมริกันหันมายอมรับรถยนต์ที่มีขนาดเล็กลง พร้อมตั้งเป้าผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็กราคาไม่เกิน 30,000 ดอลลาร์ (ราว 1 ล้านบาทนิดๆ) ภายในปี 2027 เนื่องจากเขาเชื่อว่าการออกแบบ, พัฒนา และผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไซส์ใหญ่ ไม่มีทางขายได้จนถึงจุดคุ้มทุน โดยเฉพาะแบตเตอรี่แพคซึ่งเป็นตัวการหลักนั้น มีต้นทุนสูงมากเกินไป
● เว็บไซท์ Carscoops.com กำลังเดาว่า รถเล็กราคาแถวๆ 30,000 ดอลลาร์ของฟอร์ดควรจะเป็นรถรุ่นอะไร? พวกเขาไม่เชื่อว่าฟอร์ดจะวางเดิมพันในแผนงานนี้ด้วยรถซีดาน หรือรถแฮทช์แบคขนาดซับคอมแพคท์ ยกตัวอย่างเช่นการนำชื่อ Ford Fiesta หรือ Ford KA ซึ่งยุติสายการผลิตไปแล้วกลับมาใช้ เนื่องจากการนำ Fiesta หรือ KA มากลับมาติดตั้งระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าดูจะไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่
● ขณะเดียวกัน รถครอสโอเวอร์ mild hybrid อย่าง Ford Puma ที่กำลังจะมีเวอร์ชั่นไฟฟ้า Puma Gen-E เปิดตัวในยุโรปช่วงปลายปี 2024 และน่าจะมีขนาดความยาวราวๆ 4.1 เมตร ก็อาจเป็นรถที่เล็กเกินไปสำหรับการเป็นหัวหอกในการแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดในสหรัฐฯ
รถแฮทช์แบคขนาดซับคอมแพคท์อย่าง Ford Fiesta ไม่น่าจะใช่คำตอบสำหรับตลาดอเมริกัน
● Farley เชื่อว่าคนอเมริกันควรจะเลิกใช้รถปิคอัพหรือรถ SUV ขนาดใหญ่ และหันมาซื้อรถที่มีขนาดเล็กลง เขาให้ความเห็นกับสถานี CNBC ว่า “เราควรจะกลับมาหลงรักรถขนาดเล็กกันอีกครั้ง นั่นเป็นที่สิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสังคมของเรา และสำหรับการใช้รถไฟฟ้า เราต่างก็รักเจ้ารถมอนสเตอร์พวกนี้ ผมเองก็รักมันเหมือนกัน แต่ปัญหาสำคัญของมันก็คือเรื่องน้ำหนักตัว”
● ในช่วงปี 2023 ที่ผ่านมา รถที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกามีน้ำหนักประมาณ 1,964 กก. โดยเฉลี่ย เพิ่มขึ้นราวๆ +454 กก. เมื่อเทียบกับรถในยุค 80s แม้ว่าน้ำหนักส่วนหนึ่งจะมาจากการอัพเกรดเทคโนโลยีในกลุ่มความปลอดภัย… ทว่าน้ำหนักส่วนใหญ่นั้นเป็นผลมาจากเทรนด์การใช้ชุดระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามยุคสมัย (ไม่ว่าจะเป็นไฮบริด, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด หรือแบตเตอรี่ล้วน)
● นอกจากนี้ Farley ยังระบุว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร (“Big, Huge, Enormous EVs”) ไม่มีทางทำกำไรให้บริษัทได้เลย เนื่องจากแบตเตอรี่แพคขนาดใหญ่นั้นอาจทำให้ตัวรถต้องมีราคาพุ่งไปถึง 50,000 ดอลลาร์ (ราว 1.9 ล้านบาท) เป็นอย่างต่ำ ดังนั้นเป้าหมายที่ฟอร์ดวางเอาไว้ว่าจะผลิตรถไฟฟ้าที่มีราคาประมาณ 30,000 ดอลลาร์ น่าจะถึงจุดคุ้มทุน หรือทำกำไรให้บริษัทได้ภายใน 2 ปีครึ่ง (ถ้ามันขายได้)
2025 Ford Capri การคืนชีพชื่อรุ่นรถฟาสท์แบค 2 ประตูคูเป้ในยุค 70s ในร่างครอสโอเวอร์ไฟฟ้า ด้วยการใช้แพลทฟอร์มของ Volkswagen ID
● อย่างไรก็ตาม Carscoops เชื่อว่ารถไร้นามรุ่นนี้ ท้ายที่สุดก็น่าจะเป็นรถครอสโอเวอร์ SUV นั่นแหละครับ (ผมเองก็เชื่อว่าคุณผู้อ่านก็คงคิดเหมือนกัน ยุคนี้ยังไงก็ต้องเป็นรถครอสโอเวอร์) เนื่องจากตลาดรถอเนกประสงค์ยังคงเปิดกว้างอยู่เสมอ
● ส่วนชื่อรุ่นนั้น… น่าสนใจทีเดียว Carscoops เสนอชื่อรถครอบครัวในกลุ่ม C-segment ระดับไอคอนในอดีตอย่าง Ford Escort ซึ่งพวกเขาคิดว่าดูสมเหตุผลที่สุด นั่นเป็นเพราะฟอร์ดเองเพิ่งจะคืนชีพชื่อของรถคูเป้ในอดีตอย่าง Ford Capri ในร่างของรถครอสโอเวอร์ไฟฟ้ามาสดๆ ร้อนๆ โดยอาศัยแพลทฟอร์มของโฟล์คสวาเกน ดังนั้นชื่อชั้นของ Escort ซึ่งผูกพันกับนักขับอเมริกันมาอย่างยาวนาน ก็น่าจะทำให้คนส่วนใหญ่นึกถึงวันวานของรถเล็กในอดีตได้
● สำหรับตอนนี้ เราทิ้งเป็นคำถามปลายเปิดกันไปก่อนครับ ว่าฟอร์ดจะเปิดตัว ‘รถเล็ก’ แบบใดในอีก 3 ปีข้างหน้า?… ที่สำคัญ มันจะต้องเป็นรถไฟฟ้าที่มีทีเด็ดทีขาดมากพอที่ฟอร์ดจะฝากความหวังไว้กับมันในแง่ที่ว่า มัน (จำเป็น) จะต้องทำกำไรในตลาดบ้านเกิดได้ด้วย ●
The post Ford สนับสนุนรถไฟฟ้าขนาดเล็ก ตั้งเป้าผลิตรถราคาต่ำในปี 2027 appeared first on motortrivia.