logologo

Easy Branches ให้คุณแบ่งปันโพสต์แขกของคุณภายในเครือข่ายของเราในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเข้าถึงลูกค้าทั่วโลก เริ่มแบ่งปันเรื่องราวของคุณวันนี้!

Easy Branches

34/17 Moo 3 Chao fah west Road, Phuket, Thailand, Phuket

Call: 076 367 766

info@easybranches.com
รถ

Hyundai Palisade Prestige 4WD เอสยูวี 7 ที่นั่ง ฟังก์ชั่นครบ พร้อมลุย

เรื่อง – วีดิโอ : นาธัส แสงสุริยะ ●   ทิ้งช่วงประมาณ 1 สัปดาห์หลังการเปิดตัว ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ก็จัดกิจกรรมทดลองขับเอสยูวี Palisade ทั้ง 2 รุ่นย่อย คือ Exclusive 2WD ราคา 2,299,000 บาท และ Prestige 4WD ราคา 2,499,000 The post Hyund

โดย: motortrivia.com

  • Nov 14 2024
  • 181
  • 7066 Views
Hyundai Palisade Prestige 4WD เอสยูวี 7 ที่นั่ง ฟังก์ชั่นครบ พร้อมลุย
Hyundai Palisade Prestige 4WD

เรื่อง – วีดิโอ : นาธัส แสงสุริยะ

●   ทิ้งช่วงประมาณ 1 สัปดาห์หลังการเปิดตัว ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ก็จัดกิจกรรมทดลองขับเอสยูวี Palisade ทั้ง 2 รุ่นย่อย คือ Exclusive 2WD ราคา 2,299,000 บาท และ Prestige 4WD ราคา 2,499,000 บาท ซึ่งเป็นรุ่นที่ทีมงานมอเตอร์ทริเวียได้ทดลองขับไป-กลับ นครนายก ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร

เอสยูวีฟูลไซส์ ขับง่ายกว่าที่คิด

●   Palisade เป็นรถที่รวมข้อดีของรถตู้เอ็มพีวีระดับหรู ที่ภายในกว้างขวางนั่งสบาย เข้ากับข้อดีของเอสยูวีที่ใช้โครงสร้างตัวถังแบบโมโนค็อก ขับลุยทางวิบากได้ และขับทางเรียบก็นุ่มนวลกว่ารถที่ใช้โครงสร้างแบบ Body on Frame ตัวรถมีขนาดค่อนข้างใหญ่ มองหน้าตรงดูกว้างเต็มเลน กระจังหน้า Premium Parametric Shield สีดำดุดันซ่อนไฟเลี้ยวไว้อย่างกลมกลืน ใต้โลโก้ฮุนไดที่เป็นสีดำ มีกล้องสำหรับระบบกล้อง 360 องศา ประกบข้างด้วย ชุดไฟหน้า LED Projecter 2 ดวงบนเป็นไฟต่ำ ส่วนดวงล่างสุดเป็นไฟสูง เพื่อลดการรบกวนสายตารถคันอื่น เพราะรถค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ไฟเดย์ไทม์แบ่งเป็น 3 ส่วน กันชนหน้ามีเซ็นเซอร์กะระยะ 4 จุด บนกระจกหน้าติดตั้งกล้องสำหรับระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense ในส่วนของอุปกรณ์และการตกแต่งด้านหน้า เหมือนกันทั้ง 2 รุ่นย่อย

●   ตัวรถด้านข้างตกแต่งด้วยเส้นโครเมียมบริเวณกรอบกระจก ส่วนที่ขอบล่างของตัวรถ ที่เปิดประตู และแร็คหลังคา ใช้สีเมทัลลิก กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยว LED มีระบบเตือนจุดบอด มีกล้อง และมีไฟส่องพื้นตอนกลางคืน ล้อแม็กเหมือนกันทั้ง 2 รุ่น ขนาด 7.5×20 นิ้ว ยาง 245/50 R20 สีโครเมียมและเมทัลลิก เข้าชุดกับการตกแต่งบนตัวรถ จุดแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นคือ รุ่น Prestige 4WD มีหลังคากระจกแบบ 2 ตอน ด้านหน้าตัวกระจกเลื่อนเปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมม่านบังแดด ส่วนด้านหลังเปิดได้เฉพาะม่านบังแดดที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าจากชุดสวิตช์บนเพดานด้านหน้า ตัวรถด้านข้างออกแบบได้ลงตัวสมส่วน แม้จะเป็นรถ 3 แถว 7 ที่นั่ง แต่ด้านท้ายก็ไม่ได้ยื่นยาวมาก กระจกข้างบานหลังสุดค่อนข้างใหญ่ คนนั่งเบาะแถว 3 ไม่อึดอัด

●   ด้านท้ายมีความแตกต่างกันอีกจุดคือ รุ่น Prestige 4WD เพิ่มคำว่า HTRAC นำหน้าชื่อ 2.2D ซึ่งหมายถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของฮุนได ชุดไฟท้าย LED ทรงตั้ง ตกแต่งด้วยแถบเมทัลลิก ติดตั้งไฟท้ายที่มุมทั้ง 2 ฝั่ง ช่วยเน้นให้ตัวรถดูแบนกว้างยิ่งขึ้น ฝาท้ายระบบไฟฟ้า มีสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ไฟถอยหลังอยู่ในกันชนที่มีเซ็นเซอร์กะระยะ 4 จุด ตกแต่งด้วยสีเมทัลลิก ปลายท่อไอเสียโครเมียมทรงเหลี่ยมคู่

●   มิติตัวรถมีความยาว 4,995 มิลลิเมตร กว้าง 1,975 มิลลิเมตร สูง 1,750 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,708/1,716 มิลลิเมตร ระยะยื่นหน้า/หลัง 965/1,130 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,900 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 203 มิลลิเมตร น้ำหนักรุ่น Exclusive 2WD 1,960 กิโลกรัม และรุ่น Prestige 4WD 2,060 กิโลกรัม ภายนอกมีให้เลือก 2 สี คือ ขาว Pearl White และดำ Space Black โดยส่วนตัวแล้วชอบสีขาวมากกว่า เพราะช่วยเสริมให้การตกแต่งดูโดดเด่นขึ้น

กว้างขวาง เงียบสงบ อุปกรณ์ครบครัน

●   ห้องโดยสารมี 2 การตกแต่ง คือ ดำล้วนแซมด้วยวัสดุสีเมทัลลิกลายแนวตั้ง และสีเบจแซมด้วยวัสดุคล้ายลายไม้แนวนอน ใช้วัสดุคุณภาพดี และการประกอบก็ค่อนข้างเนี๊ยบ หน้าปัด Supervision Color TFT LCD ขนาด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนได้ตามรูปแบบการขับ และแสดงข้อมูลการขับได้ ควบคุมด้วยปุ่มบนพวงมาลัยฝั่งขวา ส่วนหน้าจอกลางระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ภาพจากล้องมองรอบคันคมชัด สว่างสู้แสง ตอบสนองการสัมผัสได้รวดเร็วลื่นไหล ชุดเครื่องเสียง Infinity มีภาคขยายแยกภายนอก 12 ลำโพง ต่ำลงมาเป็นช่องแอร์แบบยาวซ่อนในแผงคอนโซล มีปุ่มลัดสำหรับระบบต่างๆ ให้ใช้งานสะดวก ไม่ต้องเข้าเมนูที่หน้าจอทุกครั้ง

●   พวงมาลัยทรงเอกลักษณ์ของฮุนได ไม่ได้ออกแนวสปอร์ตหรือหรูหรา แต่ไปทางล้ำสมัยมากกว่า ปรับได้ 4 ทิศทาง มี Paddle Shift ก้านบนคอพวงมาลัยก็ตามมาตรฐาน ฝั่งขวาคุมระบบไฟหน้าไฟเลี้ยว ฝั่งซ้ายคุมที่ปัดน้ำฝนหน้าและหลัง เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งผู้ขับมีที่รองต้นขาปรับไฟฟ้า ที่ดันหลังไฟฟ้า และหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง ตัวเบาะหนา ความนุ่มกำลังดี เปิดระบบทำความเย็นแล้วนั่งสบาย พนักพิงทั้ง 2 ฝั่ง มีช่องจ่ายไฟ USB-C หลังเบาะคู่หน้ามีที่ใส่ของ และช่องตาข่ายเพื่อให้มองเห็นของที่ใส่ไว้ ป้องกันการลืม บนเพดานมีชุดสวิตช์ควบคุมหลังคากระจก (สำหรับรุ่น Prestige 4WD) กระจกมองหลังแบบไร้กรอบ ปรับลดแสงอัตโนมัติ ม่านบังแดดพร้อมไฟส่องสว่าง

●   คอนโซลกลางตกแต่งด้วยลายเมทัลลิก มีสวิตช์แอร์ที่เป็นแบบ 3 โซน ปุ่มเกียร์ไฟฟ้าที่จะเข้าเกียร์ P ให้อัตโนมัติเมื่อผู้ขับเปิดประตู ป้องกันการลืมได้ดี ปุ่มหมุนของรุ่น Exclusive 2WD ใช้ปรับโหมดการขับ 4 โหมด คือ Comfort, Eco, Sport และ Smart ส่วนของรุ่น Prestige 4WD จะเพิ่มฟังก์ชั่นเลือก Terrain ได้ 3 โหมด คือ Snow, Mud และ Sand และรุ่น Exclusive 2WD ไม่มีปุ่มเปิด-ปิดระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน หรือ DBC-Downhill Brake Control มีปุ่ม Auto Hold ส่วนด้านล่างเป็นปุ่มเปิด-ปิดระบบอุ่นหรือทำความเย็นเบาะคู่หน้า

●   ต่อเนื่องด้วยที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้ และแท่นชาร์จไร้สายแบบมีฝาปิด ที่เท้าแขนกลางเบาะหน้าบุนุ่ม ภายในจุของได้พอสมควร และยังมีช่องจ่ายไฟฟ้า 12 โวลท์ และ USB-C อีกจุด เกียร์เป็นแบบไฟฟ้า ไม่มีกลไกด้านล่าง จึงออกแบบคอนโซลกลางให้เป็น 2 ชั้นได้ ชั้นล่างมีช่องจ่ายไฟฟ้า และที่วางของอีกเล็กน้อย ใต้คอนโซลฝั่งผู้ขับ มีปุ่มปิดระบบป้องกันการลื่นไถล เบรกมือไฟฟ้า และปุ่มเปิดฝาท้ายไฟฟ้า

●   เบาะแถว 2 แบบ Captain Seat มีที่เท้าแขนปรับระดับได้ มีช่องใส่ของจุกจิก มีชุดสวิตช์แอร์แยกอิสระจากด้านหน้า ปรับเองได้เต็มระบบ ทั้งอุณหภูมิ แรงลม ทิศทางลม พร้อมช่องแอร์ทรงกลมบนเพดาน ที่ปรับรูปแบบการกระจายแรงลมได้ด้วย มีระบบเป่าลมร้อนและเย็น ใต้ชุดสวิตช์แอร์มีช่องจ่ายไฟฟ้า 12 โวลท์ เบาะแถว 2 ทั้ง 2 ฝั่ง มีระบบพับแบบ One Touch Walk-in เพื่อให้ผู้โดยสารแถว 3 เข้า-ออกสะดวก โดยมีปุ่มตรงเบาะนั่งเพื่อให้กดใช้งานได้สะดวกก่อนขึ้นรถ และอีกปุ่มที่แถวหมอนรองศีรษะ เพื่อให้ผู้โดยสารแถว 3 กดเลื่อนเบาะเองได้ กดปุ่มเดียวเบาะนั่งจะเลื่อนเดินหน้าและพนักพิงพับลงให้ บนเพดานแถว 2 มีไฟส่องสว่าง และประตูคู่หลังมีม่านบังแดดมาให้

●   ลองนั่งเบาะแถว 3 ดูแล้ว พอไหวสำหรับความสูง 169 เซนติเมตร แต่ถ้านั่งเต็มความจุ 3 ตำแหน่งคงไม่ไหว เบาะนั่งค่อนข้างสูงและสั้น ทำให้รองรับต้นขาไม่ได้ ส่วนพนักพิงปรับเอนได้ ก็ช่วยให้นั่งสบายขึ้นหน่อย มีช่องแอร์บนเพดาน มีช่องจ่ายไฟฟ้า USB และที่วางแก้วน้ำ มองจากนอกรถเหมือนกระจกข้างบานท้ายสุดจะกว้าง แต่จริงๆ แล้วส่วนหนึ่งเป็นเสาหลังที่เอากระจกมาปิดทับไว้ ทำให้มองจากภายนอกแล้วดูไม่ทึบมากนัก เท่าที่ลองนั่งมุมมองก็ยังกว้างพอสมควร พนักพิงเบาะแถว 3 แยกพับราบลงได้ด้วยการดึงแถบเชือกที่ด้านหลังพนักพิง ตัวเชือกเก็บได้เรียบร้อยด้วยตีนตุ๊กแก

●   ที่เก็บสัมภาระด้านท้ายก็กว้างพอประมาณ แต่ถ้านั่ง 6-7 คน มีสัมภาระประจำตัว มีเด็กเล็กที่อุปกรณ์เยอะ ก็ไม่น่าจะใส่พอ แต่ถ้านั่ง 4 คน พับพนักพิงเบาะแถว 3 ก็จะได้ที่เก็บของขนาดใหญ่ ที่ผนังฝั่งซ้ายของที่เก็บของ มีช่องจ่ายไฟฟ้า 12 โวลท์ ปุ่มพับเบาะแถว 2 และตะขอรัดสัมภาระแบบพับเก็บได้ เป็นการออกแบบที่มีความใสาใจ และคำนึงถึงเวลาใช้งานจริง ใต้พื้นก็ใส่ของได้อีกพอประมาณ มีชุดเครื่องมือ และแม่แรง ฝาปิดมีตะขอเกี่ยวสำหรับเปิดค้างได้สะดวก ส่วนยางอะไหล่แบบคอมแพคไซส์อยู่ใต้ท้องรถ

●   ทั้ง 2 รุ่น ให้ระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense 12 รายการเหมือนกัน ตรงนี้ต้องชื่นชม เพราะไม่ว่าจะจ่ายเงินเท่าไร ก็ควรได้ความปลอดภัยเท่าเทียมกัน ส่วนจุดที่แตกต่างก็คือรุ่น Prestige 4WD อัพเกรดวัดสุดหุ้มเบาะจากหนังธรรมดาเป็นหนัง Nappa เท่าที่ลองนั่งทั้ง 2 รุ่น ก็ไม่รู้สึกแตกต่างกันมาก ระบบความสะดวกสบายและระบบความบันเทิงก็เหมือนกันทั้ง 2 รุ่นย่อย ความแตกต่าง 2 แสนบาท น่าจะอยู่ที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ กับหลังคากระจกที่ส่วนตัวคิดว่าไม่จำเป็น

●   นอกเหนือจากความกว้างขวาง ใช้วัสดุคุณภาพดี และให้อุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันแล้ว อีกจุดที่ชอบคือ ความเงียบภายในห้องโดยสาร ที่ได้มาจากการใช้กระจก 2 ชั้น ลดเสียงรบกวนจากภายนอก รวมทั้งวัสดุดูดซับเสียงและซีลยางในจุดต่างๆ ที่ทำได้ดีจริงๆ ทั้งเสียงจากเครื่องยนต์ดีเซลที่ลองลากรอบสูง และเสียงสภาพแวดล้อมที่จอแจ ถูกลดทอนลงไปมาก ทำให้ขับได้อย่างสงบและผ่อนคลาย

●   ช่วงที่ใช้ความเร็วก็แทบไม่ได้ยินทั้งเสียงลมปะทะ ทั้งที่ตัวรถมีหน้าตัดค่อนข้างใหญ่ ไม่มีเสียงลมที่รีดผ่านกระจกมองข้าง หรือเสียงลมที่หมุนวนในซุ้มล้อ แต่ยังไม่ได้ลองนั่งเบาะแถว 2 หรือ 3 ตอนขับเร็วๆ ว่ามีเสียงลมที่ซุ้มล้อหลัง หรือมีเสียงลมที่ประตูบานท้ายหรือไม่ เพราะขับคนเดียวทั้งทริป แทบไม่รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ดีเซล ลองเปิดฝากระโปรงหน้าแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยสั่นสะเทือน เสียงไม่ดังมาก เป็นเสียงที่ค่อนข้างถี่และละเอียด

ขับสนุก ตอบสนองดี ประหยัดกว่าที่คิด

●   Palisade ทั้ง 2 รุ่นย่อยใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน และเป็นบล็อกเดียวกับเอ็มพีวี Staria แต่ปรับให้เหมาะสมกับประเภทรถ โดยเป็นแบบดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่น เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ กระบอกสูบ 85.4 มิลลิเมตร ช่วงชัก 96 มิลลิเมตร ความจุ 2,199 ซีซี อัตราส่วนการอัด 16.0:1 กำลังสูงสุด 197 แรงม้า (HP) ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,750 รอบต่อนาที รองรับ B20 ผ่านมาตรฐานไอเสีย EURO5 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อม Paddle Shift ในรุ่น Prestige 4WD มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือก อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประมาณ 10.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

●   เครื่องยนต์ทำงานราบเรียบนุ่มนวล ไม่สั่นเขย่า เสียงไม่ดังมากแม้จะอยู่นอกรถ ขึ้นมาขับแล้วแทบไม่รู้สึกว่าเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ช่วงแรกขับในเมือง การจราจรค่อนข้างหนาแน่น การเพิ่มความเร็วทำได้ทันใจ ขับช้าๆ ก็ควบคุมความเร็วได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้อยู่ในโหมด Sport ขับทั้งวันกว่า 200 กิโลเมตร ใช้โหมด Smart แล้วรู้สึกว่าเหมาะกับตัวเองที่สุด ขับความเร็วต่ำๆ ได้ง่ายเพราะคันเร่งไม่เร็วเกินไป

●   ช่วงถนนโล่งจะขับเร็วหรือเร่งแซง ก็ตอบสนองได้ทันใจแล้ว ค่อยๆ กดคันเร่งในเกียร์เดิม ก็เพิ่มความเร็วได้อย่างทันใจ อัตราเร่งไม่ถึงกับดึงหนักหวือหวา แต่ก็มีแรงดึงที่ต่อเนื่องโดยไม่ต้องรีดเค้นเครื่องยนต์ เป็นอัตราเร่งที่เกินคาด เพราะเครื่องยนต์ไม่ใหญ่ กับรถฟูลไซส์หนักเกิน 2 ตัน ขับคนเดียว เร่งตัวปลิว ขับทางโล่งต้องหมั่นดูมาตรวัดความเร็วบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ขับเกินที่กฎหมายกำหนด

●   ประสิทธิภาพของเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ก็ช่วยเสริมให้ขับสนุกขึ้นเพราะมีการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วนุ่มนวล และถ้าอยู่ในโหมด Sport เกียร์จะดึงจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ขึ้นสูงให้ช้าลงอีกนิด ทำให้เร่งได้ทันใจ ผ่อนคันเร่งแล้วเกียร์ยังไม่เปลี่ยนขึ้นสูงในทันที พอกดคันเร่งซ้ำก็ไม่ต้องเสียจังหวะคิ๊กดาวน์ ส่วนในโหมด Eco จะรู้สึกว่าคันเร่งหน่วงนิดๆ ในช่วงออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง หรือเร่งจากความเร็วต่ำ

●   อัตราสิ้นเปลืองตาม Eco Sticker ของรุ่น Exclusive 2WD ระบุอัตราสิ้นเปลืองในเมือง/นอกเมือง/เฉลี่ย ไว้ที่ 11.49/17.24/14.49 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ท้าทายว่า ในการขับใช้งานจริงจะใกล้เคียงหรือไม่ ก่อนออกเดินทางจาก ฮุนได โมบิลิตี้ วิภาวดี ก็กดเซต 0 ข้อมูลการขับ วนขึ้นสะพานกลับรถ ขึ้นโทลเวย์ไปแยกลงนครนายก เจอรถติดเพราะทำถนน แวะร้านกาแฟที่ระยะ 38.7 กิโลเมตร ทีมงานฮุนไดรับรถไปจอดให้ และสตาร์ทเครื่องยนต์เปิดแอร์รอไว้ ดื่มกาแฟเสร็จกลับมาที่รถ กดดูข้อมูลได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 10.4 กิโลเมตรต่อลิตร จากนั้นขับไปวนถ่ายรูปที่อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ ระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตร ทางเริ่มโล่ง ใช้ความเร็วสูงขึ้นบ้าง เร่งแซงบ้าง ระยะทางรวม 102 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยดีขึ้นเป็น 11.7 กิโลเมตรต่อลิตร

●   จอดติดเครื่องรอสมาชิกมากันครบ ขับวนบนเพื่อถ่ายภาพนิ่งและวีดิโออีก 2 รอบ แล้วขับไปร้านอาหารกลางวันที่อยู่ใกล้ๆ จอดรถให้ทีมงานกลับรถให้ ดับเครื่องยนต์ล็อกรถ อิ่มมื้อกลางวันแล้วกลับมาที่รถ สตาร์ทเครื่องเปิดแอร์เปิดดูข้อมูล ขับมาได้ครี่งทางที่ระยะ 111.9 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 10.8 กิโลเมตรต่อลิตร ขากลับขับย้อนทางรวดเดียวถึงปลายทาง ฮุนได โมบิลิตี้ วิภาวดี มัวแต่เก็บของลืมบันทึกข้อมูลการขับ แต่เท่าที่ดูจากคลิปที่ถ่ายไว้ ก็ไม่เกิน 11 กิโลเมตรต่อลิตร ห่างจากตัวเลข Eco Sticker ค่อนข้างเยอะ ถ้ามีโอกาสจะขอแก้มือเรื่องความประหยัด

Hyundai HTRAC AWD มีความน่าสนใจหลายอย่าง

●   ตลอดการขับเป็นทางเรียบ และรีบกลับเข้าเมืองก่อนรถติด เลยไม่ได้แวะหาสถานที่ลองระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตรงนี้ขอติดไว้ก่อน ถ้ามีโอกาสได้ขอยืมเดี่ยวอีกครั้งจะได้ลอง โดยเท่าที่หาข้อมูลพบว่า ระบบนี้มีความน่าสนใจหลายอย่าง ถือว่าจ่ายเงินเพิ่ม 2 แสนบาท ซื้อระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมีหลังคากระจกเป็นของแถม

●   ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ HTRAC AWD ฮุนไดพัฒนาขึ้นเอง และเป็นระบบ AWD ที่เบาที่สุดด้วยน้ำหนักเพียง 75 กิโลกรัม ทำงานโดยรับข้อมูล 50 ชุดของรถ ด้วยความถี่มากกว่า 100 ครั้งต่อวินาที เพื่อประมวลผล คำนวณแรงบิดของล้อหน้าและล้อหลัง และปรับให้เหมาะสมกับสภาพถนน โดยมุ่งไปที่การขับที่ราบเรียบนุ่มนวล และมีการกระจายน้ำหนักหน้าหลังที่สมดุล ช่วยลดการกระแทกเมื่อขับบนถนนขรุขระ และปรับการทำงานไปตามโหมดการขับ

●   ในโหมด Smart ระบบ AWD สามารถส่งกำลังไปที่ล้อหน้าได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ในโหมด Sport ก็จะส่งแรงบิดไปยังล้อหลังได้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อการขับที่คล่องตัว ในโหมด Snow จะปรับแรงบิดให้เหมาะสมไว้ล่วงหน้า ก่อนที่รถจะเกิดอาการลื่นไถล ในโหมด ECO ก็จะปรับลดแรงบิดขณะเร่ง เพื่อประหยัดเชื้อเพลิง และในโหมด Comfort ก็จะกระจายแรงบิดไปที่ล้อทั้ง 4 โดยส่งแรงบิดไปที่ล้อหน้า 80 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้รถมีความมั่นคงและขับง่ายขึ้น จุดเด่นของระบบ Hyundai HTRAC คือ เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน ทั้งการขับบนถนนขรุขระหรือทางลื่น

หนักแน่นมั่นคงบนความนุ่มนวล

●   ระบบกันสะเทือนอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังมัลติลิงก์ ล้อแม็กและยางเหมือนกันทั้ง 2 รุ่น ขนาด 7.5×20 นิ้ว ยาง 245/50 R20 ขับในเมืองความเร็วต่ำ-ปานกลาง ให้ความรู้สึกนุ่มนวล เจอฝาท่อหรือผิวถนนที่ขรุขระก็ไม่กระแทกรุนแรง และด้วยระยะต่ำสุด 203 มิลลิเมตร ไม่ต้องกังวลเวลาขับผ่านคอสะพานที่ทรุด หรือเจอกับไม้กั้นล้อที่ความสูงเกินมาตรฐานเพราะใช้เสาปูนแทนเพื่อความประหยัด ตัวรถสูงโปร่ง ตำแแหน่งนั่งค่อนข้างสูง ขับในเมืองโปร่งสบายไม่อึดอัด ขับทางไกลทัศนวิสัยกว้างไกล มองเห็นเหตุการณ์รอบๆ ได้ชัดเจน เพิ่มความปลอดภัย

●   ช่วงล่างที่ออกแนวนุ่มๆ แน่นๆ ที่ความเร็วต่ำถึงปานกลาง ลองใช้ความเร็วสูงบนทางตรงโล่ง ก็ไม่รู้สึกว่าโคลงหรือมีอาการที่ไม่น่าไว้ใจ ขับเร็วได้อย่างหนักแน่นมั่นคง ตัวรถให้ความรู้สึกว่าควบคุมได้ แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้ แค่เห็นว่ามีมุมที่มองไม่เคลียร์ก็จะลดความเร็วทันที ถ้าขับบนทางด่วนแบบปิดอย่างมอเตอร์เวย์ มีการควบคุมสภาพแวดล้อม ก็น่าจะขับเร็วได้อย่างสบายใจขึ้น ลองขับเข้าโค้งกว้างๆ ด้วยความเร็วสูงกว่าปกติเล็กน้อย ก็ยังไม่ต้องออกแรงควบคุมรถมากนัก เพราะตัวรถมีอาการโคลงออกนอกโค้งไม่มาก ถ้าขับพาครอบครัวไปเที่ยว ขับเรื่อยๆ มีเร่งแซงบ้าง เซตช่วงล่างและพวงมาลัยมาแบบนี้ก็เหมาะสมดีแล้ว พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า วงเลี้ยวแคบสุด 5.9 เมตร ปรับการผ่อนแรงมาพอเหมาะ ไม่เบาหวิว หรือหนืดหนักเกินไป ขับในเมืองเปลี่ยนเลนได้คล่อง เข้าจอดในที่แคบได้ง่าย ขับทางไกลพวงมาลัยหนักแน่นมั่นคง ระบบเบรกดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้า 340×30 มิลลิเมตร ด้านหลัง 314×18 มิลลิเมตร ไม่ด้อยไม่เด่น ทำงานได้ตามมาตรฐาน ขับครั้งแรกก็กะน้ำหนักเบรกได้พอดี ลองกดเบรกหนักๆ บนทางตรงที่ความเร็วปานกลางก็ไม่มีอาการหน้าทิ่มท้ายยก แรงเบรกหนักหน่วง เหมาะสมกับขนาดรถและความแรงของเครื่องยนต์

●   โดยรวม ฮุนได Palisade บรรลุจุดประสงค์แนวคิดในการรวมร่าง MPV และ SUV เข้าไว้ด้วยกัน ภายในสะดวกสบาย กว้างขวาง และเงียบสงบ MPV ตัวรถยกสูงพร้อมลุยแบบ SUV ส่วนช่วงล่างก็มีความนุ่มนวล เกาะถนนดี และขับง่ายตามสไตล์ SUV โมโนค๊อก เห็นว่ารถคันใหญ่ แต่ลองขับในเมืองแล้วขับง่าย เบาแรง และขับคล่องกว่าที่คิด แนะนำให้ซื้อรุ่น Prestige 4WD เพราะระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ได้ใช้งานตลอดการขับ ทั้งทางแห้ง ทางเปียก และทางลุย

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถรุ่นต่างๆ ของฮุนได เชิญได้ที่ตัวแทนจำหน่ายฮุนไดทั่วประเทศ, H-Space ถนนวิภาวดีH-Studio ศูนย์การค้า The Emsphere ชั้น 2 หรือเว็บไซท์ : hyundai.com/th หรือเฟซบุ๊ค : facebook.com/HyundaiThailand หรือบริการจองรถผ่านช่องทางออนไลน์ Cl!ck to Buy ที่ buyonline.hyundai.com หรือติดต่อ Hyundai Call Center โทร. 02-305-8494 ●

ขอบคุณ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง

Group Test : 2024 Hyundai Palisade

The post Hyundai Palisade Prestige 4WD เอสยูวี 7 ที่นั่ง ฟังก์ชั่นครบ พร้อมลุย appeared first on motortrivia.

ที่เกี่ยวข้อง


แบ่งปันหน้านี้

โพสต์ของแขกโดย Easy Branches

all our websites

image