กรุงเทพมหานคร – วันที่ 1 มีนาคม 2564 แลนเซสส์ (LANXESS) ผู้นำในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษระดับโลกประกาศการเร่งการเติบโตตามแผนธุรกิจและลงนามในข้อตกลงที่มีผลผูกพันเพื่อเข้าซื้อหุ้นทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ของบริษัท Emerald Kalama Chemical เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564ที่พึ่งผ่านมา บริษัทที่ถูกควบรวมกิจการนี้ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษชั้นนำของโลกรายหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคมีภัณฑ์สำหรับตลาดผู้บริโภคและโดยที่ผ่านมาหุ้นส่วนใหญ่ถูกถือโดยบริษัทในเครือของ American Securities LLC ซึ่งทำธุรกิจร่วมลงทุนในหุ้นบริษัทเอกชนต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา

Emerald Kalama Chemical มีมูลค่าองค์กรอยู่ที่ 1.075 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากหักรายการหนี้สินออกแล้ว ราคาซื้อขายจะอยู่ที่ประมาณ 1.04 พันล้านเหรียญสหรัฐ (867 ล้านยูโร *) ซึ่งแลนเซสส์จะจัดหาเงินลงทุนนี้จากสภาพคล่องที่มีอยู่ คาดว่าการทำธุรกรรมจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยยังคงต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเสียก่อน

ในปีการเงิน 2020 (พ.ศ. 2563) Emerald Kalama Chemical มียอดขายประมาณ 425 ล้านเหรียญสหรัฐและ EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติประมาณ 90 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในสามปีหลังจากการทำธุรกรรมเสร็จสิ้น แลนเซสส์คาดว่าจะมี EBITDA เพิ่มขึ้นถึงปีละ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (25 ล้านยูโร *) จากผลการทำงานร่วมกัน การเข้าซื้อกิจการจะทำให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นในงบการเงินของปีแรกหลังจากการควบรวมกิจการเสร็จสิ้น

“เราได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มสูงขึ้นจากการควบรวมกิจการนี้ซึ่งเป็นการเติบโตตามแผนธุรกิจของเรา ธุรกิจของ Emerald Kalama Chemical เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับเรา จะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ปกป้องผู้บริโภคของเราและเปิดพื้นที่ตลาดใหม่ ๆ ที่มีอัตรากำไรที่ดี อย่างเช่นในภาคส่วนอุตสาหกรรมอาหารและสุขภาพสัตว์ นอกจากนี้เรายังจะช่วยเพิ่มความเข็มแข็งทางการตลาดของเราในภูมิภาคอเมริกาเหนือที่กำลังเติบโต ทั้งหมดนี้จะทำให้เรามีผลกำไรและความมั่นคงมากยิ่งขึ้น” Matthias Zachert ประธานคณะกรรมการบริหารของ LANXESS AG กล่าว

Emerald Kalama Chemical มีพนักงานประมาณ 500 คนทั่วโลกและดำเนินการผลิตในเมืองกาลามา, มลรัฐวอชิงตัน (ประเทศสหรัฐอเมริกา), เมืองรอตเตอร์ดัม (ประเทศเนเธอร์แลนด์) และเมืองวิดเนส (ประเทศอังกฤษ) Emerald Kalama Chemical สร้างรายได้ประมาณ 45 เปอร์เซ็นต์จากยอดขายในภูมิภาคอเมริกาเหนือ “Emerald Kalama Chemical ถูกตั้งขึ้นมาให้มีประสิทธิภาพสูงตั้งแต่แรก โดยรวมกิจกรรมการผลิตทั้งหมดไว้ที่สามโรงงานเท่านั้น นั่นคือเหตุผลที่เราคาดหวังว่าจะรวมธุรกิจใหม่ได้อย่างรวดเร็ว” Zachert กล่าว

ขยายพอร์ตการลงทุนได้ตามเป้าหมายในภาคส่วนธุรกิจปกป้องผู้บริโภค

Emerald Kalama Chemical สร้างรายได้ประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายด้วยเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษในภาคส่วนธุรกิจปกป้องผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงสารกันเสียสำหรับอาหาร เครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์รักษารสชาติและกลิ่นรวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับโภชนาการสัตว์ ยอดขายที่เหลืออีก 25 เปอร์เซ็นต์มาจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษสำหรับงานอุตสาหกรรม ได้แก่อุตสาหกรรมพลาสติกและกาว

ด้วยการเข้าซื้อกิจการนี้ จะทำให้แลนเซสส์สามารถขยายการลงทุนได้ตามเป้าหมาย ช่วยให้บริษัทมีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้นระดับโลกในภาคส่วนธุรกิจเคมีภัณฑ์สารออกฤทธิ์ต้านจุลชีพและสารกันเสียรวมถึงเคมีภัณฑ์เพื่อการปกป้องผู้บริโภคและสุขอนามัยสัตว์ ตัวอย่างเช่น สารฆ่าเชื้อที่มีผลต่อโคโรนาไวรัสหรือโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร

*อัตราแลกเปลี่ยนที่ EUR/USD = 1.20

แลนเซสส์ (LANXESS)

แลนเซสส์เป็นบริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemicals) มียอดรายได้รวม 6.8 พันล้านยูโรในปี พ.ศ. 2562 และมีพนักงาน 14,400 คนอยู่ใน 33 ประเทศทั่วโลก ธุรกิจหลักของแลนเซสส์ คือการพัฒนา การผลิต และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เคมีที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิต (Chemical Intermediates) เคมีภัณฑ์เติมแต่ง (Additives Chemicals) ผลิตภัณฑ์สารเคมีชนิดพิเศษ (Specialty Chemicals) และพลาสติก แลนเซสส์เป็นบริษัทที่อยู่ในดัชนีหลักทรัพย์ที่ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก ได้แก่ดัชนี Dow Jones Sustainability Index (DJSI World) และ FTSE4Good ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.lanxess.com

LANXESS China

เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2548 บริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ตและ LANXESS Chemical (China) Co. , Ltd. ได้เริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการ ปัจจุบัน LANXESS มี บริษัท ย่อย 15 แห่งศูนย์วิจัยและพัฒนา 7 แห่งและโรงงานผลิต 8 แห่งโดยมีพนักงานประมาณ 1,500 คนในประเทศจีน แลนเซสส์ทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรในพื้นที่เพื่อพัฒนาโซลูชันที่มุ่งเน้นตลาดที่ตอบสนองความต้องการของตลาดในท้องถิ่น