สังคม
เฮอร์ริเคน ‘เฮลีน’ คร่าชีวิตกว่า 80 ราย – เนปาลเจอฝนกระหน่ำ ดับ 151 ราย!
สหรัฐฯ เผชิญพิษเฮอร์ริเคน เฮลีน เสียชีวิตอย่างน้อย 84 ราย ขณะที่เนปาลเจอฝนกระหน่ำ เกิดน้ำท่วมและดินถล่มรุนแรง คร่าชีวิตอย่างน้อย 151 รายแล้ว สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ประชาชนในจอร์เจีย ฟลอริดา และอีกรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ เผชิญกับเฮอร์ริเคนเฮ
สหรัฐฯ เผชิญพิษเฮอร์ริเคน เฮลีน เสียชีวิตอย่างน้อย 84 ราย ขณะที่เนปาลเจอฝนกระหน่ำ เกิดน้ำท่วมและดินถล่มรุนแรง คร่าชีวิตอย่างน้อย 151 รายแล้ว
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ประชาชนในจอร์เจีย ฟลอริดา และอีกรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ เผชิญกับเฮอร์ริเคนเฮลีน ความรุนแรงระดับ 4 ความเร็วลม 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าดับกระทบประชาชนหลายล้านคน
ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ รายงานว่าเฮอร์ริเคนที่ลดระดับมาเป็นไซโคลน ได้มุ่งหน้าไปยังเทนเนสซีในวันเสาร์และอาทิตย์ หลังจากสร้างความเสียหายหนักในรัฐนอร์ธแคโรไลนา จอร์เจีย เซาธ์แคโรไลนา ส่วนยอดผู้เสียชีวิตทั่วประเทศยังอยู่ที่อย่างน้อย 84 ราย
ทั้งนี้ Moody's Analytics ประเมินว่า เฮอร์ริเคนเฮลีนสร้างความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือนในสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่า 15,000-26,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การประเมินของเว็บไซต์ AccuWeather คาดว่าพายุลูกนี้สร้างความเสียหายโดยรวมและต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ราว 95,000-110,000 ล้านดอลลาร์
ส่วนที่เนปาล สั่งปิดโรงเรียนต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 หลังจากเกิดดินถล่มและน้ำท่วมจากฝนตกหนัก ซึ่งคร่าชีวิตอย่างน้อย 151 ราย สูญหายอีก 56 ราย ตามการเปิดเผยของทางการเนปาลในวันอาทิตย์
ภาวะอุทกภัยรุนแรงยังทำให้กิจกรรมต่าง ๆ ในกรุงกาฐมาณฑุต้องหยุดชะงักไป และมีรายงานผู้เสียชีวิตที่เมืองหลวงเนปาล 37 ราย บางพื้นที่ของกรุงกาฐมาณฑุมีปริมาณน้ำฝน 322.2 มิลลิเมตร หรือ 12.7 นิ้ว ผลักให้แม่น้ำบักมาติสูงเกินระดับอันตราย แต่ทีมสำนักอุตุนิยมวิทยาในเมืองหลวงเนปาล เผยว่าสถานการณ์ในบางพื้นที่เริ่มคลี่คลายแล้วในช่วงเช้าวันอาทิตย์
นักวิทยาศาสตร์จาก International Centre for Integrated Mountain Development (ICIMOD) ชี้ว่า เนปาลเผชิญกับผลกระทบจากน้ำท่วมดินถล่มเพราะฝนตกหนักต่อเนื่อง และสถานการณ์เลวร้ายลงเนื่องจากระบบการระบายน้ำที่ย่ำแย่ อันเป็นผลพวงมาจากที่มาจากพ่วงด้วยโครงสร้างพื้นฐานและการผังเมืองที่ไม่ดี การก่อสร้างบนที่ราบน้ำท่วมถึง การขาดแคลนพื้นที่กักเก็บน้ำ และการรุกล้ำแม่น้ำ ที่มา: เอพี, รอยเตอร์