นายจอน โอมุนด์ เรฟฮัก ผู้อำนวยการอาวุโส เทเลนอร์กรุ๊ป ภูมิภาคเอเชีย กล่าวแสดงความคิดเห็นในงานเสวนา “The Disruption of Business, Competition and Transformation, Ready Now for the Future โลกปรับเกมเปลี่ยน พร้อมพลิกโฉมธุรกิจ สู่อนาคต” จัดโดย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมกับ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย โดยระบุว่า เทเลนอร์เข้ามาลงทุนในไทยกว่า 25 ปีแล้ว โดยเริ่มจากประเทศบังคลาเทศในด้านโทรคมนาคม ซึ่งปัจจุบันเทเลนอร์เป็น 1 ใน 5 ผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และ 60% ของรายได้ของเทเลนอร์ทั้งหมดมาจากเอเชีย

นายจอน มองว่า บริการโทรคมนาคมจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญขับเคลื่อนสังคมดิจิทัลในอนาคตต่อไป และเอเชียจะยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตด้านดิจิทัล โดยเฉพาะประเทศไทย เพราะลูกค้าชาวเอเชียมีปริมาณการใช้เทคโนโลยีสูงมาก

สำหรับโควิด-19 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ digitalization และจะยังคงมีการเติบโตและพัฒนาต่อไป ซึ่งเทเลนอร์มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตนี้ในเอเชีย และในประเทศไทย โดยทางเทเลนอร์จะนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจากยุโรปมาสนับสนุน digitalization สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในประเทศไทยที่จะได้ประโยชน์จากการพัฒนานี้ และสามารถต่อยอดธุรกิจได้ต่อไป

“เทเลนอร์ยืนยันจะยังคงลงทุนในเอเชียและในประเทศไทยต่อไป ซึ่งเป็นความตั้งใจเดิมตั้งแต่เมื่อ 25 ปีก่อนที่เริ่มเข้ามาในเอเชีย ซึ่งต้องเน้นการพัฒนาในตลาดในแต่ละประเทศในเอเชีย”

นายจอน กล่าวด้วยว่า 5G จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะขับเคลื่อนเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในสังคม ซึ่งถ้าจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ให้ได้มากที่สุดก็ต้องมีการลงทุนที่เพิ่มขึ้น แต่นักลงทุนในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในประเทศไทยก็ยังต้องเผชิญขั้นตอนและข้อกำหนดมากมาย โดยเฉพาะในด้านกฎระเบียบ (Regulatory) และกฎหมาย (Legal) ก่อนที่เราจะสามารถลงทุนได้ ซึ่งทางหน่วยงานกำกับดูแล (Regulators) ของไทยก็ควรมีความชัดเจน ต่อเนื่อง และเป็นธรรมทั้งต่อนักลงทุนและผู้บริโภค เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้น และที่สำคัญ การมีบริษัทเทคโนโลยีที่มีความสามารถในการรองรับพนักงานที่มีศักยภาพนั้นสำคัญมาก

ประเด็นการควบรวมกิจการ นายจอน กล่าวว่า เทเลนอร์เชื่อมั่นว่าการควบรวมกิจการระหว่างดีแทคและทรูจะสร้างบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยี (Telecom-tech company) ความเหมาะสมทั้งขนาด ความสามารถทางการเงิน และความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัย รวมทั้งการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่จะสร้างประโยชน์ต่อประเทศไทยและผู้ใช้งาน ทั้งสองบริษัทได้ยื่นหนังสือแจ้งความประสงค์ที่จะดำเนินการควบรวมกิจการแก่ กสทช. และเราหวังว่าการดำเนินการจะยุติธรรม เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ

ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อจะส่งมอบบริการและนวัตกรรมที่ตรงใจลูกค้า แต่ยังจะช่วยสร้างโอกาสในการดึงดูดและพัฒนาบุคคลที่มีความสามารถให้พวกเขามีพื้นที่ที่จะเติบโตในประเทศไทยอีกด้วย ส่วนอัตราการให้บริการ อยู่ภายใต้ระเบียบข้อบังคับโดยมี กสทช. กำกับดูแล

นายจอน กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีอีกมาก เนื่องจากมีความพร้อมทั้งในด้านการเชื่อมต่อ โทรคมนาคม อินเทอร์เน็ต ขณะที่บริษัทโทรคมนาคมต้องส่งมอบบริการที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ให้กับลูกค้า โดยเฉพาะด้านข้อมูลส่วนบุคคล

“ปัจจุบัน digitalization เข้ามาอยู่ในทุกส่วนในชีวิตเรา ตั้งแต่การให้บริการด้านสุขภาพ ไปจนถึงด้านการศึกษา ทำให้การมี Venture Capital (VC) ที่พร้อมจะลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในด้านต่างๆ เหล่านี้จึงสำคัญมาก”นายจอน ระบุ

The post ‘เทเลนอร์’ ชี้ เอเชียศูนย์กลางดิจิทัลเติบโต เชื่อมั่นดีลควบรวม ดีแทค-ทรู เหมาะสม first appeared on สำนักข่าว บางกอก ทูเดย์.