ต่างประเทศ
ปูตินต้อนรับชาวรัสเซียกลับบ้าน เยี่ยง 'วีรบุรุษ' จากดีลแลกนักโทษ
moscow — ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน จัดงานต้อนรับเยี่ยงวีรบุรุษ ให้กับชาวรัสเซียที่ได้รับอิสรภาพ ภายใต้ความตกลงแลกนักโทษครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างรัฐบาลมอสโกและโลกตะวันตก เขาให้สัญญาว่าบุคคลเหล่านี้จะได้รางวัลจากรัฐและเปิดโอกาสพูดคุยถึงอน
moscow — ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน จัดงานต้อนรับเยี่ยงวีรบุรุษ ให้กับชาวรัสเซียที่ได้รับอิสรภาพ ภายใต้ความตกลงแลกนักโทษครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างรัฐบาลมอสโกและโลกตะวันตก
เขาให้สัญญาว่าบุคคลเหล่านี้จะได้รางวัลจากรัฐและเปิดโอกาสพูดคุยถึงอนาคตของพวกเขา
ในการเเลกตัวนักโทษระหว่างรัสเซียและโลกตะวันตกครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่สงครามเย็น มีชาวรัสเซีย 8 รายได้กลับประเทศ ซึ่งประกอบด้วย มือปืนที่ชื่อวาดิม คราซิคอฟ ซึ่งถูกศาลเยอรมนีตัดสินว่ามีความผิดจากการสังหารอดีตนักรบเชื้อสายเชเชนที่สวนสาธารณะในกรุงเบอร์ลิน
นอกจากนั้นยังมี ชายสองคนที่ชื่อ วลาดิสลาฟ ไคลยูชิน และโรมัน เซเวซนิออฟ ซึ่งถูกตัดสินว่ามีความผิดด้านการก่ออาชกรรมทางไซเบอร์ รวมทั้งครอบครัวพ่อ-แม่และลูกสองคน ที่ศาลสโลวีเนียตัดสินว่าพวกเขาปลอมตัวเป็นชาวอาร์เจนตินา และทำงานสอดเเนมกลุ่มนาโต้และสหภาพยุโรป
ฝ่ายสหรัฐฯ ได้รับผู้ถูกคุมขังในคุกรัสเซียกลับไปเช่นกัน ซึ่งประกอบด้วย นักข่าวอีวาน เกิร์ชโควิช และอดีตนาวิกโนธิน พอล วีเเลนด์
ปูติน ซึ่งเคยเป็นสายลับรัสเซีย พบกับบุคคลชาวรัสเซียทั้ง 8 คน ที่สนามบินกรุงมอสโก เขาสวมกอด และจับมือต้อนรับคนเหล่านั้น ซึ่งเมื่อพวกเขาเดินลงมาจากเครื่องบินก็ได้เหยียบพรมเเดง และขนาบข้างด้วยเเถวทหารกองเกียรติยศ
วาดิม คราซิคอฟ มือปืนที่ถูกตัดสินมีความผิดในการสังหารเหยื่อในกรุงเบอร์ลิน คือคนที่นำขบวนชาวรัสเซียเดินออกมาจากเครื่องบินในครั้งนี้ เขาและประธานาธิบดีปูตินได้สวมกอดกัน
ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า "ก่อนอื่นผมขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้กลับมาแผ่นดินเเม่ ตอนนี้ผมขอพูดกับคนที่มีประสบการณ์ตรงกับกองทัพ ผมอยากจะขอบคุณในความจงรักภักดีต่อคำปฏิญาณตนให้กับแผ่นดินเเม่ของคุณ ซึ่งไม่เคยลืมพวกคุณเลย"
ในวันพฤหัสบดีเช่นกัน อดีตประธานาธิบดีรัสเซียดมิทรี เมดเวเดฟ พูดถึงการเเลกตัวนักโทษ ว่า ผู้ที่ทรยศชาติควรถูกปล่อยให้ตายในคุก แต่การได้คนรัสเซียกลับคืนมานั้นเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลรัสเซียมากกว่า
เขาเขียนผ่านเเพลตฟอร์มเทเลเเกรมว่า "ปล่อยให้คนทรยศชาติใช้ชื่อใหม่อย่างบ้าคลั่งและปกปิดตัวตนอย่างหนักในโครงการปกป้องพยาน" ที่มา: รอยเตอร์