ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน หารือกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ในวันพุธ ซึ่งถือเป็นการพูดคุยครั้งแรกในรอบเกือบสองเดือนของผู้นำทั้งสองคน และมีรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ร่วมหารือด้วย การเจรจาของไบเดนกับเนทันยาฮูมีขึ้นในขณะที่อิสราเอลยังคงระดมโจมตีใส่กาซ่าและเลบานอนอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้นายกฯ เนทันยาฮูกำลังพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ ในการตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านราว 200 ลูกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งถือเป็นการยกระดับความตึงเครียดในภูมิภาคนี้ โดยไบเดนยืนยันว่าไม่สนับสนุนให้อิสราเอลโจมตีสถานที่ทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน ในวันพุธ เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ระบุว่า มีประชาชนในค่ายผู้ลี้ภัยแถบทางเหนือและตอนกลางของกาซ่าเสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลอย่างน้อย 18 คน ฟิลิปเป ลาซซารินี หัวหน้าสำนักงานผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ของสหประชาติ (U.N. Palestinian refugee Agency - UNRWA) ระบุว่า มีประชาชนอย่างน้อย 400,000 คนที่ยังติดอยู่ในพื้นที่ทางเหนือของกาซ่า และจำนวนมากปฏิเสธที่จะเดินทางออกจากพื้นที่ตามคำสั่งอพยพของกองทัพอิสราเอล "เนื่องจากพวกเขารู้ดีว่าไม่มีที่ไหนปลอดภัยอีกแล้วในกาซ่า" ในขณะที่ความหิวโหยกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ เดินหน้าปฏิบัติการโจมตีในเลบานอน ในวันพุธ กองทัพอิสราเอลเริ่มใช้ปฏิบัติการโจมตีทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินรอบใหม่ในพื้นที่ภาคใต้ของเลบานอน โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเฮซบอลลาห์ ทางด้านเฮซบอลลาห์ตอบโต้ด้วยการยิงจรวดและปืนใหญ่ข้ามพรมแดนเข้าไปในอิสราเอล โดยมีเสียงไซเรนเตือนภัยดังในหลายเมืองทั่วภาคเหนือของอิสราเอล นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวในวันอังคารว่า กองทัพอิสราเอลสังหาร ฮาเชม ซาฟีดดีน ผู้ที่ถูกคาดหมายว่าจะขึ้นมาเป็นผู้นำกลุ่มติดอาวุธนี้ หลังการเสียชีวิตของ ฮัสซาน นาซรัลลาห์ อดีตผู้นำกลุ่มที่ถูกปลิดชีพในการโจมตีของอิสราเอลเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ซาฟีดดีนเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาซรัลลาห์และเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสของกลุ่มเฮซบอลลาห์ แต่กลุ่มติดอาวุธนี้ยังไม่ได้ออกมาตอบโต้หรือให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวนี้แต่อย่างใด เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ปีที่แล้ว กลุ่มฮามาสได้บุกโจมตีอิสราเอล สังหารประชาชน 1,200 คน และจับกุมตัวประกันไปราว 250 คน นำไปสู่การตอบโต้ของอิสราเอลในฉนวนกาซ่า ทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วกว่า 42,000 คน รวมทั้งผู้หญิงและเด็กจำนวนมาก ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์