เนื่องจากปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงเทรนด์ของเทคโนโลยีไปอย่างรวดเร็วรวมไปถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังถูกรบกวนจากยานยนต์ไฟฟ้า และกลายเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากความกังวลต่อมลพิษทางอากาศ และความกังวลต่อการหายไปของเชื้อเพลิงน้ำมัน ทำให้ยานยนต์ไฟฟ้ามีความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากภายในระยะเวลาไม่นาน 

ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) หลายบริษัทก็เริ่มหันมาสนใจธุรกิจที่เกี่ยวกับ EV มากขึ้นตามกระแสของตลาดโลก เช่น ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างมหาศาล

อย่างไรก็ตาม บทความนี้เป็นเพียงการยกตัวอย่างหุ้นที่มีโอกาสรับผลประโยชน์จากเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น การซื้อขายหุ้น จะได้ปรับมุมมองได้ทันตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยสามารถอ่านบทวิเคราะห์หุ้นราย อัปเดตข้อมูลการลงทุนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ รวบรวมไว้ได้ที่

5 ผู้ประกอบการผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทยที่มีภาพการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ที่ชัดเจน และน่าสนใจมีดังนี้

1. EA , บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) | มาร์เก็ตแคป 226,597 ล้านบาท

2. GPSC , บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) | มาร์เก็ตแคป 207,250 ล้านบาท

3. BANPU , บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) | มาร์เก็ตแคป 62,92 ล้านบาท

4. BPP , บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) | มาร์เก็ตแคป 56,687 ล้านบาท

5. BCPG , บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) | มาร์เก็ตแคป 37,495 ล้านบาทแหล่ง: ทันข่าวทูเดย์

7 หุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทรนด์ EV (นับตั้งแต่วันนี้ 27 ม.ค.63 ถึงวันที่ 26 ม.ค.64) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าปัจจุบันมาร์เก็ตแคปของกลุ่มดังกล่าวโตแค่ไหนในรอบ 1 ปี

แหล่ง: https://www.pexels.com/photo/white-and-orange-gasoline-nozzle-110844/

1.บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA มาร์เก็ตแคปปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 924% มาอยู่ที่ระดับ 693,544 ล้านบาท โดย DELTA ถือว่ามีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ EV คือ ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ติดในรถยนต์ไฟฟ้าและผลิตสถานีชาร์จสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ส่วนธุรกิจหลักคือผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

2.บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA มาร์เก็ตแคปปรับตัวพุ่งขึ้น 58.95% มาอยู่ที่ระดับ 256,437 ล้านบาท โดย EA มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ EV คือ กำลังก่อสร้างโรงงานแบตเตอรีลีเทียมไอออน, ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า, เรือไฟฟ้า และสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า ส่วนธุรกิจหลักคือโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนและกลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล

3.บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX มาร์เก็ตแคปปรับตัวพุ่งขึ้น 557% มาอยู่ที่ระดับ 9,209 ล้านบาท โดย NEX มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ EV คือ บริษัทมีแผนผลิตและจำหน่ายรถบัสไฟฟ้า, รถมินิบัสไฟฟ้า และรถตู้ไฟฟ้า ส่วนธุรกิจหลักคือผลิตและรับจ้างผลิตชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กและมีความเที่ยงตรงสูงตามคำสั่งซื้อของลูกค้า รวมถึงธุรกิจให้เช่ารถบัสโดยสาร

4.บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC มาร์เก็ตแคปปรับตัวลดลง 9.23% มาอยู่ที่ระดับ 235,447 ล้านบาท จากระดับ 259,415 ล้านบาท หรือคิดเป็นมาร์เก็ตแคปที่หายไปราว 23,967 ล้านบาท โดย GPSC เป็นบริษัทในเครือ ปตท.ที่มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ EV คือ กำลังลงทุนก่อสร้างโรงานผลิตแบตเตอรีลีเทียมไอออนในประเทศไทย ส่วนธุรกิจหลักคือธุรกิจโรงไฟฟ้า

5.บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO มาร์เก็ตแคปปรับตัวลดลง 12.52% แหล่ง: มาอยู่ที่ระดับ 740.26 ล้านบาท จากระดับ 846.01 ล้านบาท หรือคิดเป็นมาร์เก็ตแคปที่หายไปราว 105 ล้านบาท โดย CHO มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ EV คือ กำลังจับมือกับพันธมิตรในการวิจัยและพัฒนารถ ASIA CAB ไฟฟ้าต้นแบบหรือรถลอนดอนแท็กซี่ไฟฟ้า ส่วนธุรกิจหลักคือธุรกิจผลิตตัวถังและติดตั้งระบบวิศวกรรมทางยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมทั้งผลิตและให้บริการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในการป้องกันประเ