Royal Enfield Bear 650 เตรียมทำตลาดเอเชียแปซิฟิกต้นปี 2025
ประชาสัมพันธ์ ● “เมื่อคุณลงสนาม ธงเขียวถูกตีลง เรื่องไร้สาระจะถูกปล่อยวาง” Eddie Mulder (หรือที่รู้จักในนาม Fast Eddie), แชมป์การแข่งขัน Big Bear Run ปี 1960 ● การหลีกหนีจากความจริง ความกล้าบ้าระห่ำ มองข้ามผลลัพธ์ และเชื่อในสัญชาตญาณของตนเอง คือสิ่
ประชาสัมพันธ์
● “เมื่อคุณลงสนาม ธงเขียวถูกตีลง เรื่องไร้สาระจะถูกปล่อยวาง” Eddie Mulder (หรือที่รู้จักในนาม Fast Eddie), แชมป์การแข่งขัน Big Bear Run ปี 1960
● การหลีกหนีจากความจริง ความกล้าบ้าระห่ำ มองข้ามผลลัพธ์ และเชื่อในสัญชาตญาณของตนเอง คือสิ่งที่อธิบายถึงจิตวิญญาณของนักแข่งมอเตอร์ไซค์ได้ดีที่สุด ซึ่งเป็นคำบรรยายที่สมบูรณ์แบบสำหรับมือใหม่วัย 16 ปีจาก Checkers Motorcycle Club – Eddie Mulder หรือที่รู้จักกันในนาม Fast Eddie ซึ่งในปี 1960 เขาได้กลายเป็นแชมป์อายุน้อยที่สุดที่สามารถพิชิตการแข่งอันโหดร้ายแห่งทะเลทรายแคลิฟอร์เนีย “Big Bear Run” ได้จวบจนถึงปัจจุบัน
● ในปี 1960 ทะเลทราย Mojave อันโหดร้ายได้กลายเป็นเวทีสำหรับการแข่งขัน Big Bear Run การแข่งขันที่ยิ่งใหญ่และทำถึงที่สุดในทะเลทรายแคลิฟอร์เนียที่เคยมีมา โดยปราศจากกฎระเบียบ ไร้เส้นทาง และไม่มีเทคโนโลยีใด ๆ มีเพียงแค่ต้นกระบองเพชรและหมาป่าเป็นผู้ชม ซึ่ง Eddie Mulder 1 ใน 765 ผู้เข้าร่วมแข่งขัน ได้สร้างความประหลาดใจให้วงการแข่งรถด้วยการเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกในเวลา 4 ชั่วโมง 21 นาที สร้างตำนานที่ยังคงเล่าขานจนถึงปัจจุบัน Eddie ขับขี่ Royal Enfield Fury 500cc ด้วยสัญชาตญาณ ความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ และความเชื่อ ทำให้เขาเป็น 1 ใน 197 คนที่สามารถเข้าเส้นชัยได้
● เมื่อถูกถามถึงจุดเปลี่ยนสำคัญของเขาในระหว่างการแข่งขัน Eddie Mulder กล่าวว่า “ผมอยู่ในอันดับที่ 13 ตอนที่เสียการควบคุมและกลิ้งลงเนิน ผมยกมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาตรวจดูความเสียหาย แฮนด์บิดไปด้านหลัง ท่อไอเสียหลุดออกจากกระบอกสูบ และโช้คแตก 1 ตัว ผมใช้กำลังดัดแฮนด์ให้กลับที่ก่อนเตะท่อไอเสียเข้าที่ ส่วนโช้คที่เสียไปผมอะไรไม่ได้แล้ว ก็เลยขี่ต่อด้วยโช้คเพียงตัวเดียว”
● 64 ปีต่อมา จิตวิญญาณแห่งความบ้าระห่ำนั้นได้จุดประกายแรงบันดาลใจให้เกิดมอเตอร์ไซค์ที่มีความทรหดและจิตวิญญาณที่มีความมุ่งมั่น – ใหม่ Royal Enfield Bear 650 สแครมเบลอร์ที่มีสไตล์ ออกแบบมาสำหรับผู้ขับขี่ที่เชื่อในสัญชาตญาณของตนเองและกล้าที่จะโดดเด่น
● Bear 650 ไม่ได้เป็นเพียงมอเตอร์ไซค์ แต่มันคือการเดินทาง สิ่งที่ยืนยัน และเตือนให้เราทำตามสัญชาตญาณตนเอง ด้วยสมรรถนะที่ครบครัน วิศวกรรมที่แข็งแกร่ง และรูปลักษณ์สแครมเบลอร์อันโดดเด่น Bear 650 พร้อมที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่สำหรับเหล่านักบิดสแครมเบลอร์ทั่วโลก เชิญชวนให้พวกเขาสร้างเส้นทางของตัวเองไปพร้อมกันในทุกการขับขี่
● หากพูดถึงแรงบันดาลใจ การพัฒนา และการออกแบบ Bear 650 คุณ B Govindarajan, CEO ของ Royal Enfield กล่าวว่า “เราได้รับแรงบันดาลใจลึกซึ้งจากคอมมูนิตี้และเหล่าผู้ขับขี่ที่ประสบความสำเร็จ แรงบันดาลใจของเราในการสร้าง Bear 650 มาจากเรื่องราวอันน่าจดจำของ Eddie และการแข่งขัน Big Bear Run ในปี 1960 ทำให้ Bear 650 ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งสัญชาตญาณดิบ ความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ และความเป็นสแครมเบลอร์ได้แท้จริง มันถูกสร้างขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจและการควบคุมให้ผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง Bear 650 ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นตัวแทนของความหลากหลาย ความยืดหยุ่น และจิตวิญญาณที่แข็งกร้าว”
In Gut We Trust… and the Gut Roars! สัญชาตญาณที่เราเชื่อมั่น และ เสียงคำรามของตัวตน
● Bear 650 ขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณและพลังจากแพลตฟอร์มเครื่องยนต์ 650-Twin อันเป็นที่ยอมรับทั่วโลกของ Royal Enfield เครื่องยนต์นี้ขับเคลื่อนอย่างนุ่มนวลและมีเอกลักษณ์ โดยให้กำลังสูงสุด 47 แรงม้า (34.6 กิโลวัตต์) ที่ 7,250 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 56.5 นิวตันเมตรที่ 5150 รอบต่อนาที ซึ่งช่วยเพิ่มพลังในช่วงรอบกลางของ Bear 650 มากกว่า Twin รุ่นอื่น ๆ ระบบไอเสีย 2-1 ที่เป็นนวัตกรรมช่วยเพิ่มแรงบิดและมอบพาวเวอร์แบนด์ที่กว้างขึ้น ในขณะที่ท่อไอเสียเดี่ยวขนาดกะทัดรัดที่น้ำหนักเบาแต่เพิ่มความโดดเด่นในแบบของรถสแครมเบลอร์ได้อย่างดี
Scramble in style สไตล์ Scramble
● ยางขนาดใหญ่สไตล์เรโทร ดอกยางแบบเหลี่ยมพร้อมลุย เบาะนั่งสไตล์สแครมเบลอร์ ท่อไอเสียดีไซน์ใหม่แบบ 2-1 มาพร้อมเพลทป้ายบอกหมายเลขแข่งขัน – ทุกองค์ประกอบของ Bear 650 ถ่ายทอด DNA ของสแครมเบลอร์ที่แท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสีสันที่โดดเด่น 5 เฉดสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสดใสของรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้แก่ Boardwalk White, Petrol Green, Wild Honey, Golden Shadow และสีพิเศษ Two Four Nine เป็นการระลึกถึงหมายเลขการแข่งของ Eddie อันเป็นตำนาน รวมกันแล้วทุกองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ Bear 650 เป็นสแครมเบลอร์ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณและสไตล์ของยุคการแข่งทะเลทรายของแคลิฟอร์เนียในยุคปี 60 ได้ชัดเจน
The quintessential ‘bad-roader’ ธาตุแท้ไอ้ตัวแสบ
● สำหรับผู้ที่หลงใหลในประสบการณ์การขับขี่สแครมเบลอร์ที่ดุดัน Bear 650 มาพร้อมกับโครงสร้างที่แข็งแรงและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยโช้คหน้าขนาดใหญ่แบบ Up Side Down จาก Showa พร้อมช่วงยุบ 130 มม. และโช้คหลัง Showa Twin tube RSU พร้อมช่วงยุบ 115 มม. เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลเมื่ออยู่บนถนน ตัวรถสูงจากพื้นดิน 184 มม. พร้อมกับล้อหน้าขนาด 19 นิ้วและล้อหลังขนาด 17 นิ้ว ที่มาพร้อมกับยางอเนกประสงค์ สวยงามตามแบบสแครมเบลอร์ที่แท้จริง เพิ่มการยึดเกาะ พร้อมลุยแบบกึ่งวิบาก
● Not so basic instinct | Modern scrambler essentials สัญชาตญาณขั้นกว่า กับอุปกรณ์รถสแครมเบลอร์โมเดิร์น
● แรงบันดาลใจจากอดีต แต่ล้ำสมัยในหลายแง่มุม Bear 650 มาพร้อมกับ Tripper Dash หน้าจอ TFT ใหม่ที่มีการใช้งานง่ายทุกขณะการเดินทาง ปุ่มสั่งการที่ทำจากอลูมิเนียมสีดำและจอยสติ๊กช่วยให้การใช้งาน Tripper Dash เป็นไปอย่างคล่องมือที่สุด
● Bear 650 ที่หลายคนรอคอย พร้อมเปิดตัวด้วยความโดดเด่นทั้งในด้านพลัง ความสวยงาม และความสามารถในการขับขี่ที่หลากหลาย เพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นให้กับนักบิดทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2025 โรยัล เอ็นฟีลด์ ตั้งตารอที่จะมอบประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นให้กับทั้งนักบิดมือใหม่และนักบิดผู้รักการผจญภัย
● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรยัล เอ็นฟีลด์ เชิญได้ที่ www.royalenfield.com/th/th/motorcycles ●
The post Royal Enfield Bear 650 เตรียมทำตลาดเอเชียแปซิฟิกต้นปี 2025 appeared first on motortrivia.