Honda HR-V e:HEV ลองฟังก์ชั่นรุ่นกลางและรุ่นท๊อป
เรื่อง : MotorTrivia • ภาพ : Honda ● หลังจากเปิดตัวรุ่นปรับโฉม พร้อมประกาศราคาไปเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ฮอนด้าก็จัดให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับ Honda HR-V ใหม่ 2 รุ่นย่อยคือรุ่นกลาง EL และรุ่นสูงสุด RS ปรับโฉมทั้งภายนอกและภายในให้
เรื่อง : MotorTrivia • ภาพ : Honda
● หลังจากเปิดตัวรุ่นปรับโฉม พร้อมประกาศราคาไปเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ฮอนด้าก็จัดให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับ Honda HR-V ใหม่ 2 รุ่นย่อยคือรุ่นกลาง EL และรุ่นสูงสุด RS ปรับโฉมทั้งภายนอกและภายในให้ทันสมัยขึ้น ลองใช้งานฟังก์ชั่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นทั้งใน 2 รุ่นย่อย โดยนอกจาก 2 รุ่นที่ได้ทดลองขับแล้ว HR-V ใหม่ ยังมีรุ่นเริ่มต้นหรือรุ่น E เน้นความคุ้มค่า มาพร้อมราคาพิเศษช่วงเปิดตัว 8.99 แสนบาท เปิดจองตั้งแต่ 8 พฤศจิกายน 2567 – 31 ธันวาคม 2567 และรับรถตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567-31 มกราคม 2568 และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป จะปรับเป็นราคาปกติ 9.49 แสนบาท (เพิ่ม 5 หมื่นบาท)
คุณศิริพร ศรีสุข ผู้จัดการส่วนงานการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
ปรับปรุงใหม่ถึงไส้ในโครงสร้าง
● นัดหมายกันที่ฮอนด้าในนิคมอุตสาหกรรมบางชันช่วงเช้า กล่าวต้อนรับสื่อมวลชนโดยคุณศิริพร ศรีสุข ผู้จัดการส่วนงานการตลาด และอธิบายรายละเอียดของตัวรถโดย คุณวนิดา เรืองธนาเจริญกุล ผู้จัดการแผนกวางแผนผลิตภัณฑ์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มจากภายนอกของทุกรุ่นมีการปรับดีไซน์กันชนหน้าใหม่ และเพิ่มสีใหม่ Sand Khaki Pearl ในรุ่น e:HEV RS และ e:HEV EL
คุณวนิดา เรืองธนาเจริญกุล ผู้จัดการแผนกวางแผนผลิตภัณฑ์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
● ส่วนภายนอกของรุ่น e:HEV RS มีการปรับใหม่ทั้งในส่วนของกระจังหน้าโครเมียมกับสีดำเงา ไฟหน้า LED ใหม่ มีระบบ ADB หรือ Adaptive Driving Beam ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB หรือ Auto High-beam และ ACL หรือ Active Cornering Light ไฟส่องสว่างด้านข้างขณะเลี้ยว ด้านข้างของรุ่น e:HEV RS ก็มีการปรับเปลี่ยนล้อแม็กลายใหม่สีดำสลับเงาขนาด 7.5×18 นิ้ว ยาง 225/50/18 ด้านหลังเปลี่ยนไฟท้ายเป็นแบบ Full LED พร้อมแถบขวางตลอดความกว้างตัวรถ และเพิ่มเซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด
● มิติตัวรถของรุ่น e:HEV RS มีความยาว 4,385 มิลลิเมตร 1,790 มิลลิเมตร สูง 1,590 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,542/1,543 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 196 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,404 กิโลกรัม
● ภายในก็ปรับใหม่หลายจุด มาตรวัดTFT ขนาด 7 นิ้ว เพิ่มการแสดงผลไฟเบรก จอกลางระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto คอนโซลกลางแบบ 2 ชั้น เพิ่มที่วางสมาร์ทโฟนได้ เพิ่มช่อง USB-C 3 ช่อง และ USB-A 1 ช่อง และปรับปรุงกล้องมองหลังให้มีความคมชัดมากขึ้น รุ่น e:HEV EL เพิ่มแท่นชาร์จไร้สายพร้อมสวิตช์เปิด-ปิด เพิ่มเบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง รุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV E เพิ่มที่บังแดดแบบมีกระจกเงาและไฟส่องสว่าง ส่วนรุ่น e:HEV E เพิ่มแอร์หลังและเพิ่มลำโพงจาก 4 เป็น 6 ตำแหน่ง ไฮไลต์อื่นของรุ่น e:HEV RS ก็เช่น ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ Sequential หลังคากระจก 2 ตอน Panoramic แอพพลิเคชั่น Honda CONNECT ไฟส่องสว่างที่นั่งด้านหลังแบบ LED ระบบสัมผัส ฝาท้ายแฮนด์-ฟรี พร้อมระบบ Walk Away Close (มีในรุ่น e:HEV EL ด้วย)
● แอพพลิเคชั่น Honda CONNECT ที่มีเฉพาะรุ่น e:HEV RS มีฟังก์ชั่นการทำงานที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ ประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น และแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป, Car Log ข้อมูลการขับ แสดงเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี บันทึกการเดินทางทริปโปรด และแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย, Wi-Fi ปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ ใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ ระยะการส่งสัญญาณจากตัวรถ 40 เมตร โดยเจ้าของรถเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย, Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่อง TCU จะส่งสัญญาณเตือนผ่านทางแอพพลิเคชัน และส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า เพื่อติดต่อเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น, Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และแจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้าย, Remote Vehicle Control สั่งล็อกและปลดล็อกประตู สั่งสตาร์ตเครื่องยนต์ ตั้งอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และสั่งดับเครื่องยนต์
● สั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และต้องป้อนรหัสทุกครั้งก่อนการใช้งาน, Geo Fence & Speed Alert กำหนดขอบเขตการขับทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และตั้งการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนด และ Find My Car ตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผลบนแอพพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งาต้องใส่รหัส 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน
● โครงสร้างตัวถังปรับปรุงใหม่โดยเน้นความสะดวกสบายและสมรรถนะการยึดเกาะถนน เพิ่มความหนาที่เบ้าช๊อกฯ หน้า และฐานรองสปริงด้านหลัง ปรับโครงสร้างเสา C ด้านบน และเพิ่มความแข็งแรงของพื้นห้องโดยสารด้านหลัง เพื่อให้โครงสร้างมีความแน่นหนามั่นคง ทนต่อแรงบิดได้มากขึ้น เมื่อติดตั้งช่วงล่างเข้าไปก็จะทำให้รถมีแฮนดลิ่งที่ดี พวงมาลัยแร็กแอนด์พิเนียนไฟฟ้า ปรับปรุงให้ตอบสนองฉับไวขึ้น ด้วยการเพิ่มความแข็งแรงของแกนพวงมาลัย และเพิ่มความแข็งแรงให้ซับเฟรมที่ยึดชุดแร็คฯ พวงมาลัย ปรับเปลี่ยนบูชยางปีกนกและลูกยางเหล็กกันโคลง ส่วนในรุ่น e:HEV ใช้พวงมาลัยอัตราทดแปรผันหรือ Variable Gear Ratio เพื่อให้เหมาะกับล้อขนาด 18 นิ้ว
● ลดเสียงและความสั่นสะเทือนในห้องโดยสารทั้งในย่านความถี่กลางและต่ำ ด้วยการเพิ่มความแข็งแรงของยางแท่นเครื่องทั้ง 3 จุด เพิ่มความหนาของแผ่นซับเสียงที่ผนังห้องเครื่องด้านหลังแผงคอนโซลทั้งด้านในและด้านนอกห้องโดยสาร และเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นครอบคลุมลงมาถึงบริเวณที่วางเท้า รวมทั้งบริเวณฐานของกระจกหน้า และใช้กระจกหน้าแบบซับเสียง พื้นห้องโดยสารตรงกลาง บริเวณโคนเสา C แถวซุ้มล้อ ลดเสียงย่านความถี่ต่ำด้วยการเพิ่มความแข็งแรงให้โครงสร้างของประตูบานท้าย
● กล้องหน้ามุมกว้างประมาณ 100 องศา พร้อมชิฟประมวลผลความเร็วสูง เพื่อการทำงานที่แม่นยำ ตรวจจับได้ทั้งยานพาหนะ คน และเส้นแบ่งถนน สามารถแยกแยะลักษณะพื้นผิวได้ และคำนวณระยะห่างทั้งด้านหน้าและด้านข้างได้อย่างแม่นยำ ทำงานร่วมกับระบบความปลอดภัย Honda SENSING ทั้งเตือนการชนด้านหน้า รักษารถให้อยู่ในเลน เตือนรถออกนอกเลน อะแดปทีฟครูสคอนโทรลที่ทำงานถึงความเร็วต่ำ และเตือนรถคันหน้าออกตัว กล้องมุมกว้างยังใช้งานกับไฟหน้าระบบใหม่ ADB หรือ Adaptive Driving Beam ด้วย
● เครื่องยนต์ e:HEV ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร Atkinson i-VTEC 106 แรงม้า ที่ 6,000-6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 127 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500-5,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และเกียร์ E-CVT มีกำลัง 131 แรงม้า ที่ 4,000-8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,500 รอบต่อนาที มีชุดควบคุม Power Control Unit หรือ PCU ติดตั้งในห้องเครื่อง ใช้แบตเตอรี่ลิเธีนม-ไอออน วางอยู่ระหว่างช่วงล่างด้านหลัง ควบคุมการทำงานโดย Intelligent Power Unit หรือ IPU ที่ติดตั้งไว้ด้วยกัน อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 25.6 กิโลเมตรต่อลิตร คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในไอเสีย 94 กรัมต่อกิโลเมตร
ขับใช้งานจริง 24.8 กิโลเมตรต่อลิตร
● เสร็จสิ้นช่วงพิธีการ ก็ทยอยออกเดินทางแบบฟรีรัน ไปพักทานกลางวันที่ร้านเก๋ๆ WhiteLine Cafe & Restaurant ที่มีมุมให้ถ่ายรูปเพียบ เปิด Google Map มีหลายเส้นทางให้เลือก รถติดพอๆ กันก็เลยเลือกเส้นทางที่ใกล้ที่สุด ซึ่งเป็นทางกลับบ้านที่คุ้นเคยด้วย ขาไปขับรุ่น e:HEV EL นั่งกัน 3 คนรวมผู้ขับกับสัมภาระอีกพอสมควร ก่อนออกเดินทางก็เซต 0 ทริป A เจอรถติดสาหัสหลายช่วง มาโล่งช่วงก่อนถึงจุดหมายไม่นาน ระยะทางแค่ 47.4 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาขับ 1.43 ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ยแค่ 28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ยังได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยดีเกินคาด 24.8 กิโลเมตรต่อลิตี สูสีกับตัวเลขจากโรงงานที่เคลมไว้ 25.6 กิโลเมตรต่อลิตร
● ฟังก์ชั่นที่ต้องใช้แน่ๆ เวลาขับรถไปทางไม่คุ้นคือ Google Map แม้คันนี้จะเป็นแบบไร้สาย แต่ก็ขอเชื่อมต่อผ่านช่อง USB-C ไว้ก่อน เพราะจะได้ชาร์จไปด้วย ลองเชื่อมต่อแบบไร้สายก็ทำได้ง่ายและรวดเร็ว รถติดๆ ก็ลองใช้อะแดปทีฟครูสคอนโทรล ที่แม้จะไม่ใช่ All Speed แต่ก็ช่วยลดความเมื่อยล้าไปได้เยอะ บางช่วงก็สลับมาขับเอง เปิดใช้ระบบ Brake Hold ก็ช่วยให้ขับสบายขึ้น แตะคันเร่งเบาๆ ระบบจะปลดเบรกให้อย่างนุ่มนวล อีกฟังก์ชั่นที่ช่วยแก้เมื่อยเวลารถเคลื่อนที่ช้าๆ ได้คือ Deceleration Padle Selectors ปรับการหน่วงของรถให้เหมาะสมกับความเร็ว ทำให้ไม่ต้องแตะเบรกบ่อยๆ ส่วน Honda LaneWatch ที่ทำงานอัตโนมัติเมื่อเปิดไฟเลี้ยว หรือกดเปิดกล้องที่หัวก้านไฟเลี้ยว ก็เหมือนจะให้ภาพที่คมชัดขึ้น แต่เปิดไฟเลี้ยวแล้วแผนที่ Google Map จะหายไปช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มพอดี เพราะต้องเลี้ยวให้ถูกซอย ก็แก้ไขด้วยการเปิดไฟเลี้ยวแล้วกดที่หัวก้านไฟเลี้ยว 1 ครั้งเพื่อปิดกล้อง แผนที่นำทางก็จะกลับมา
● ช่วงถนนโล่งลองกดคันเร่งลึกหน่อย รู้สึกว่าเร่งได้ลื่นไหลกว่าคู่แข่งโดยตรงอยู่พอสมควร ลองเปลี่ยนโหมดการขับ ระหว่าง Normal กับ Eco ไม่รู้สึกแตกต่างมากนัก เพราะน่าจะปรับในส่วนของการจัดการพลังงานเป็นหลัก ส่วนในโหมด Sport รู้สึกแตกต่างชัดเจน เหมือนคันเร่งเบากว่าเดิม แตะเบาๆ รถก็พุ่งไปอย่างรวดเร็ว ขับได้กระฉับกระเฉงกว่าอีก 2 โหมด และเวลาผ่อนคันเร่งก็รู้สึกว่ารถหน่วงกว่าเดิมด้วย ทางโล่งๆ น่าจะขับสนุก
● การเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร ทำได้ดีสมความตั้งใจ ขับเร็วไม่มีทั้งเสียงลมปะทะและเสียงยาง รถติดบนถนนที่จอแจ เสียงภายนอกก็เข้ามาไม่เยอะ ขาไปเป็นผู้ขับ ขากลับนั่งเบาะหน้า เพราะช่างภาพขอนั่งเบาะหลังเพื่อถ่ายวีดิโอ ภายในของรุ่น e:HEV EL เป็นสีดำล้วน ส่วนเสาและเพดานเป็นสีเบจ ขากลับนั่งรุ่น e:HEV RS ตกแต่งสปอร์ตด้วยสีดำล้วนถึงเพดาน มีแซมตะเข็บด้ายแดงเพิ่มความสปอร์ต ส่วนตัวชอบดำล้วน แต่ไม่อยากได้หลังคากระจก ซึ่งไม่มีให้เลือก วัสดุโดยรวมก็ดูดีมีคุณภาพ มี Soft Touch ในหลายจุด มีพลาสติกแข็งแซมบ้างเป็นเรื่องปกติของรถราคานี้ แต่ก็ทำพื้นผิวของพลาสติกแข็งให้ดูดีกลมกลืน การตกแต่งด้วยสีเมทัลลิกและสีดำเงา ก็อยู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะ ปุ่มกดและคันโยกต่างๆ ก็ให้ความรู้สึกหนักแน่นดีเมื่อใช้งาน
● ทุกรุ่นใช้ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม ไม่ได้ลองที่ความเร็วสูง แต่ที่ความเร็วต่ำถึงปานกลาง ให้ความนุ่มนวลและรู้สึกหนักแน่นดีเมื่อขับผ่านรอยต่อถนนหรือฝาท่อระบายน้ำ ดิสก์เบรก 4 ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความร้อน ผลงานอยู่ในระดับมาตรฐาน สร้างแรงเบรกได้เหลือเฟือ แตะแป้นเบรกช่วงแรกจะรู้สึกว่าเบรกจับตัวเร็วไปนิด ปรับตัวไม่นานก็เบรกได้นุ่มนวล พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า หมุนและคืนได้ราบเรียบดี ที่ความเร็วต่ำไม่ถึงกับเบาหวิว ยังมีความหนืดๆ มืออยู่บ้างในแบบที่ชอบ ขับเร็วก็หนักแน่นแม่นยำดี
● ฮอนด้า HR-V รุ่นปรับโฉม รุ่นสูงสุด e:HEV RS ราคา 1.179 ล้านบาท, รุ่นกลาง e:HEV EL ราคา 1.079 ล้านบาท และรุ่นเริ่มต้นราคาพิเศษถึงสิ้นปีนี้ ราคา 8.99 แสนบาท สีกากีแซนด์ (มุก) หลังคาดำ (ทูโทน) เพิ่ม 14,000 บาท สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) หลังคาดำ (ทูโทน) เพิ่ม 10,000 บาท สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) และสีขาวแพลทตินัม (มุก) เพิ่ม 12,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 8,000 บาท
ครั้งแรกกับชุดแต่ง MUGEN
● สำหรับผู้ที่ต้องการความโดดเด่นและแตกต่าง ฮอนด้าก็มีอุปกรณ์ตกแต่งจากมูเกน สำนักแต่งรถชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ออกแบบชุดแต่งสำหรับ HR-V ภายใต้แนวคิด ‘Sporty Energize with Aggressive Styling’ มีให้แต่งทั้งภายนอกและภายใน เช่น สปอยเลอร์หน้า ราคา 22,400 บาท สเกิร์ตข้าง ราคา 32,000 บาท สปอยเลอร์หลัง ราคา 22,600 บาท สปอยเลอร์วิงหลัง ราคา 34,000 บาท และสปอยเลอร์วิงหลัง (ตรงกลาง) ราคา 34,000 บาท ครอบกระจกมองข้างลายคาร์บอน ราคา 16,000 บาท ชุดท่อไอเสียแบบสปอร์ต ราคา 41,200 บาท และพรมปูพื้น ราคา 12,500 บาท จำหน่ายผ่านโชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ พร้อมรับประกันอุปกรณ์ตกแต่ง 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร กรณีติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งพร้อมรถยนต์ใหม่
● ดูรายละเอียดอุปกรณ์ตกแต่ง MUGEN เพิ่มเติมได้ที่ www.kineteqgroup.com/hrv-sales-manual
● สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร. 02-341-7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/hrvehev ●
ขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
Group Test : 2024 Honda HR-V e:HEV
The post Honda HR-V e:HEV ลองฟังก์ชั่นรุ่นกลางและรุ่นท๊อป appeared first on motortrivia.