อเมริกา
เปิดประวัติผู้ต้องหาคดียิงดับซีอีโอบริษัทใหญ่: การศึกษาดี - ต่อต้านทุนนิยม
ลุยจิ มาจิโอนี ผู้ต้องหายิงสังหาร ไบรอัน ธอมป์สัน ซีอีโอบริษัท ประกันสุขภาพยักษ์ใหญ่ UnitedHealthcare เมื่อวันพุธสัปดาห์ที่แล้วที่นครนิวยอร์ก ถูกตำรวจควบคุมตัวไว้ได้ในวันจันทร์ในรัฐเพนซิลเวเนีย หลังพยายามหนีเป็นเวลา 6 วัน สำนักข่าวเอพี รายงานว่า ท
ลุยจิ มาจิโอนี ผู้ต้องหายิงสังหาร ไบรอัน ธอมป์สัน ซีอีโอบริษัท ประกันสุขภาพยักษ์ใหญ่ UnitedHealthcare เมื่อวันพุธสัปดาห์ที่แล้วที่นครนิวยอร์ก ถูกตำรวจควบคุมตัวไว้ได้ในวันจันทร์ในรัฐเพนซิลเวเนีย หลังพยายามหนีเป็นเวลา 6 วัน
สำนักข่าวเอพี รายงานว่า ทางการรัฐนิวยอร์กต้องการให้ส่งตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้ข้ามจากรัฐเพนซิลเวเยีย กลับมาถูกดำเนินคดีในรัฐตน อย่างไรก็ตาม มาจิโอนี ขอคัดค้านความพยายามดังกล่าว
ทั้งนี้ อัยการของเกาะเเมนฮัตตัน ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ มีหมายจับเขาในข้อหาฆ่าคนตาย ซึ่งความคืบหน้านี้น่าจะทำให้มาจิโอนี ถูกส่งตัวมายังนิวยอร์กได้เร็วขึ้น ตามรายงานของเอพี
สังคมกำลังติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อมูลเริ่มออกมามากขึ้นเกี่ยวกับประวัติชีวิตของลุยจิ มาจิโอนี ที่เติบโตมาพร้อมกับโอกาสที่ดีในชีวิต การศึกษาจากสถาบันชั้นนำและพื้นฐานครอบครัวที่เป็นเจ้าของธุรกิจมากมาย
สื่อนิวยอร์กไทมส์ ระบุว่า "ด้วยประวัติและเส้นสาย เขาน่าจะเป็นนักธุรกิจ หรือซีอีโอของธุรกิจหนึ่งที่เฟื่องฟูของครอบครัวในวันข้างหน้า แต่เขาเดินไปในอีกเส้นทางหนึ่ง ตามที่เจ้าหน้าที่สืบสวนสงสัย"
หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า เนื้อหาบนอินเตอร์เน็ตบางอย่างไม่นานนี้ ส่อเค้าให้เห็นถึงความคิดต่อต้านภาคเอกชนและทุนนิยมสหรัฐฯ รวมทั้งประเด็นสุขภาพจิต ในขณะเดียวกัน ผู้ที่รู้จักชายผู้นี้ระบุว่าเขามีปัญหาจากอาการการปวดหลังเรื้อรัง
มาจิโอนี เคยโพสต์บนเว็บไซต์เเชร์ความเห็นของคนชอบอ่านหนังสือ ว่า ประโยคหนึ่งที่เขาประทับใจมาก ๆ มาจากนักปรัชญา จิททุ กฤษณมูรติ ที่ว่า "ไม่ว่าจะทุ่มเทสุขภาพเพื่อให้สามารถปรับตัวได้ดีเท่าใด ก็ไม่มีผล ในสังสมที่ป่วยหนัก"
และเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ มาจิโอนีเขียนถึงแนวคิดหนังสือ Industrial Society and Its Future" โดยธีโอดอร์ เเคสซินสกี โดยยกตัวอย่างท่อนหนึ่งกล่าวว่า "เมื่อรูปแบบการสื่อสารทุกอย่างล้มเหลว ความรุนแรงเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อการอยู่รอด"
ทั้งนี้ครอบครัว "มาจิโอนี" เป็นที่ยอมรับในเเวดวงธุรกิจและการเมืองในรัฐเเมริเเลนด์
นิค มาจิโอนี ซีเนียร์ ปู่ของลุยจิ และย่าของเขา เเมรี ซี ซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองเอลลิคิตต์ ซีตี้ รัฐแมริเเลนด์ ในทศวรรษที่ 1970 และได้สร้างสนามกอล์ฟและโครงการที่อยู่อาศัยขึ้น
จากนั้นธุรกิจครอบครัว ขยายสาขาไปด้านอื่น ๆ ในรัฐนี้ เช่น สถานดูแลผู้สูงอายุ และสถานีวิทยุ ตามรายงานของนิวยอร์กไทมส์
นิโน มาจิโอนี ลูกพี่ลูกน้องของลุยจิ ยังเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นของรัฐเเมริเเลนด์ด้วย
ส่วนลุยจิ มาจิโอนี ในตอนเป็นนักเรียน เขามีผลการเรียนโดดเด่น และรับการศึกษาจากโรงเรียนเอกชนชายล้วน "กิลแมน สคูล" ที่ค่าเล่าเรียนแพงกว่า 1 ล้านบาทต่อปี ในเมืองบัลติมอร์
เพื่อนร่วมโรงเรียน แอรอน เเครนสตัน กล่าวในรายงานของนิวยอร์กไทมส์ว่า มาจิโอนีเป็นนักเรียนที่ฉลาดที่สุดคนหนึ่งในชั้นเรียนเลยทีเดียว เมื่อตอนเรียนจบจากโรงเรียนกิลแมน มาจิโอนียังได้รับเกียรติขึ้นกล่าวบนเวทีในฐานะตัวเเทนนักเรียนด้วย
มาจิโอนี เข้าเรียนปริญญาตรีและโท ที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สถาบันอุดมศึกษาอันดันต้น ๆ ของสหรัฐฯ ในกลุ่มไอวีลีค โดยมุ่งความสนใจไปที่วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ผลการศึกษาที่ดีของเขาทำให้เขาถูกจัดอยู่ในระดับแนวหน้าของสถาบัน
ประวัติอื่น ๆ ของมาจิโอนี ชี้ว่าเขาเคยอยู่ในรัฐฮาวาย และนครซานฟรานซิสโกของแคลิฟอร์เนีย
ข้อมูลจากบุคคลที่รู้จักมาจิโอนีในฮาวายเปิดเผยว่า ชายวัย 26 ปีผู้นี้มีปัญหาปวดหลัง ที่ก่อกวนชีวิตหลายด้านของเขา
โจซิอาห์ ไรอัน โฆษกของผู้ก่อตั้งชุมชนแห่งหนึ่งในฮาวาย ซึ่งมาจิโอเน อาศัยอยู่ในปี 2022 กล่าวว่ามาจิโอนี มีอาการปวดหลังเรื้อรัง จนทำให้ชีวิตด้านการหาคู่และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคู่เดทประสบปัญหา รวมทั้งกระทบกับการเล่นโต้คลื่นซึ่งเป็นกิจกรรมที่เขาชอบ
ในปีต่อมามาจิโอนีเริ่มขาดการติดต่อกับคนที่รู้จักเขาในรัฐฮาวาย เเละในเดือนสิงหาคมปีที่เเล้วส่งภาพมาที่โทรศัพท์ของเพื่อนคนหนึ่งที่รัฐดังกล่าว ซึ่งเป็นรูปหลังของเขาที่ได้รับการผ่าตัด
เขาบอกด้วยว่า "เเล้วจะเล่าให้คุณฟังเมื่อเจอกัน หวังว่าจะได้กลับไปฮาวายอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้"
แม้ว่า ดูเหมือนว่ามาจิโอนีจะกลับไปฮาวายเมื่อปลายปีที่เเล้ว แต่ไม่นานจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ขาดการติดต่อจากเพื่อน ๆ ไป
ในช่วงหลายเดือนที่เขาไม่ได้พบเละพูดคุยกับเพื่อน ๆ กลุ่มเดิม ๆ และครอบครัว เป็นช่วงเวลาที่ตำรวจกำลังสืบสวนว่า เกิดอะไรขึ้นกับมาจิโอนี เนื่องจากข้อมูลที่ได้อาจช่วยทำให้เกิดความกระจ่างชัดขึ้นต่อเหตุการณ์ยิงสังหารธอมป์สันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่มา: ข้อมูลบางส่วนมาจากนิวยอร์กไทมส์ เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล และเอพี