สหรัฐฯ จะไม่กำหนดขีดจำกัดใหม่ ๆ สำหรับการใช้อาวุธที่ส่งให้กับยูเครน ถ้าหากเกาหลีเหนือเข้าร่วมรัสเซียในการทำสงครามที่ดำเนินมากว่า 2 ปีนี้ ตามรายงานของรอยเตอร์ที่อ้างความเห็นจากเพนตากอน คำยืนยันจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีออกมา ขณะที่ นาโต้กล่าวว่า มีการส่งหน่วยรบของเกาหลีเหนือเข้าไปยังแคว้นเคิร์สกของรัสเซียแล้ว รอยเตอร์กล่าวว่า การที่กรุงเปียงยางส่งทหารร่วมรบกับรัสเซียทำให้ชาติตะวันตกยิ่งมีความกังวลหนักขึ้นว่า สถานการณ์ความขัดแย้งนี้จะยิ่งบานปลายหนัก โดยวิวัฒนาการนี้อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ให้เห็นถึงความหวังของรัสเซียในการชดเชยการสูญเสียในสนามรบ พร้อม ๆ กับการค่อย ๆ รุกคืบเข้าไปในภาคตะวันออกของยูเครนอย่างต่อเนื่อง มาร์ค รุตเทอ เลขาธิการองค์การนาโต้ บอกกับผู้สื่อข่าวหลังหารือกับคณะผู้แทนจากเกาหลีใต้เกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวว่า “ความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือที่ใกล้ชิดเพิ่มมากขึ้นคือ ภัยคุกคามอย่างหนึ่งต่อความมั่นคงของทั้งภูมิภาคอินโดแปซิฟิกและภูมิภาคยูโรแอตแลนติก” เพนตากอนประเมินว่า เกาหลีเหนือส่งทหารราว 10,000 นายไปยังพื้นที่ภาคตะวันออกของรัสเซียเพื่อร่วมฝึกอบรม โดยตัวเลขนี้สูงกว่าระดับ 3,000 นายที่เคยประเมินไว้เมื่อวันพุธที่แล้วอย่างมาก ซาบรินา ซิงห์ โฆษกเพนตากอน กล่าวว่า “ส่วนหนึ่งของทหารเหล่านี้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ยูเครนแล้ว และเราก็มีความกังวลเพิ่มขึ้นอย่างมากว่า รัสเซียตั้งใจจะใช้ทหารเหล่านี้ในการต่อสู้ หรือสนับสนุนปฏิบัติการรบกับกองกำลังยูเครนในแคว้นเคิร์สกใกล้กับยูเครน” หน่วยงานข่าวกรองของกองทัพยูเครนรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ตรวจพบหน่วยรบชุดแรกของเกาหลีเหนือในแคว้นเคิร์สกที่ติดชายแดนซึ่งทหารยูเครนยังคงเดินหน้าปฏิบัติการรุกคืบเข้าไปในฝั่งรัสเซียอยู่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เพนตากอนปฏิเสธที่จะยืนยันว่า กองทัพเกาหลีเหนือนั้นเข้าไปอยู่ในพื้นที่แคว้นเคิร์สกแล้วจริงหรือไม่ ก่อนหน้านี้ เครมลินปฏิเสธรายงานข่าวว่า มีการส่งทหารเกาหลีเหนือมาช่วยตน โดยระบุว่านี่เป็น “ข่าวปลอม” จนกระทั่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ที่ปูตินไม่ปฏิเสธว่า เกาหลีเหนือส่งทหารมาถึงรัสเซียแล้ว และกล่าวด้วยว่า นี่เป็นเรื่องของรัฐบาลมอสโกในการดำเนินงานตามสนธิสัญญาทางทหารที่ทำไว้กับกรุงเปียงยาง ส่วนเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือนั้นไม่ยอมยืนยันรายงานข่าวเรื่องนี้ และกล่าวเพียงว่า ถ้ากรุงเปียงยางทำเช่นนั้นจริง ทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปตามบรรทัดฐานสากล     ที่มา: รอยเตอร์