ต่างประเทศ
วิเคราะห์: ภารกิจอันหนักหน่วงของ ‘กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล’
ในช่วงที่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เป็นสมัยที่ 2 ในเดือนมกราคมปีหน้า บุคคลดังซึ่งเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์ 2 คน จะได้รับหน้าที่ในหน่วยงานที่ออกแบบมาเพื่อหั่นการใช้จ่ายภาครัฐและยกระดับศักยภาพของรัฐบาลกลางให้ดีขึ้นกว่าที่เค
ในช่วงที่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เป็นสมัยที่ 2 ในเดือนมกราคมปีหน้า บุคคลดังซึ่งเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์ 2 คน จะได้รับหน้าที่ในหน่วยงานที่ออกแบบมาเพื่อหั่นการใช้จ่ายภาครัฐและยกระดับศักยภาพของรัฐบาลกลางให้ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์มองว่าเป็นภารกิจใหญ่ที่ดูไร้ความชัดเจน
กระทรวงใหม่ที่ได้รับการจับตาใกล้ชิดในรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ที่จะเข้ามาบริหารประเทศในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า คือ กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency - DOGE) ซึ่งมีบทบาทเป็นคณะกรรมาธิการฝ่ายที่ปรึกษามากกว่าการเป็นกระทรวงในตัวเอง โดยมีอิลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งเทสลาและสเปซเอ็กซ์ และวิเวก รามาสวามี นักธุรกิจเชื้อสายอินเดีย ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
หน่วยงาน DOGE ที่ออกเสียงเหมือน ‘โดห์จ’ ดูเหมือนจะเป็นผลิตภัณฑ์จากความมีอารมณ์ขันของมัสก์ ในฐานะที่เขาเป็นแฟนตัวยงของเหรียญคริปโตแบบมีมรูปสุนัขพันธุ์ชิบะ ที่รู้จักในชื่อ โดจคอยน์ (Dogecoin)
ทั้งมัสก์ และรามาสวามี ตั้งเป้าในวันที่ 4 กรกฎาคม 2026 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 250 ปีการลงนามในคำประกาศอิสรภาพของอเมริกา ให้เป็นหมุดหมายที่ภารกิจของพวกเขาจะเสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าทั้งคู่จะเข้าถึงในทุกซอกทุกมุมของรัฐบาลอเมริกันและค้นหางบประมาณและระบบราชการที่จะเข้าไปลดทอนหรือตัดออกไปได้
คำมั่นสัญญาอันยิ่งใหญ่
ทรัมป์ กล่าวในแถลงการณ์การประกาศการจัดตั้ง DOGE ว่า หน่วยงานนี้ “จะปูทางให้คณะทำงานของตน รื้อระบบราชการ ตัดกฎระเบียบส่วนเกิน หั่นรายจ่ายสิ้นเปลือง และปรับโครงสร้างหน่วยงานรัฐบาลกลางเสียใหม่”
มัสก์ได้คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะตัดงบประมาณภาครัฐราว 2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของการใช้จ่ายรัฐบาลกลางในปีงบประมาณ 2023 ที่ 6.1 ล้านล้านดอลลาร์ และสิ่งนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยปราศจากการปรับลดหน่วยงานและโครงการของรัฐบาลครั้งใหญ่
ด้านรามาสวามีระบุว่าการปรับโครงสร้างดังกล่าวจะเป็นไปตามที่ตนและมัสก์แนะนำ โดยในการให้สัมภาษณ์ทาง Fox News เมื่อวันอาทิตย์ เขาถูกตั้งคำถามว่าจะตัดกระทรวงต่าง ๆ ของรัฐบาลไปทั้งหมดหรือไม่ เขาตอบว่า “เราคาดว่าจะมีการปรับลดครั้งใหญ่ เราคาดว่าจะเห็นบางหน่วยงานถูกตัดออกไปทั้งหมด เราคาดว่าจะมีการปรับลดคนในภาคส่วนของรัฐบาลกลางที่มีมากเกินไป เราจะเห็นการปรับลดจำนวนคนครั้งใหญ่ ในหมู่ลูกจ้างชั่วคราวและอื่น ๆ ที่เรียกเก็บเงินจากรัฐบาลกลางมากเกินไป” และเสริมว่า “ผมคิดว่าคนจะประหลาดใจที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้รวดเร็วขนาดนี้”
ครั้งแรกหลังยุคปธน.เรแกน
องค์กรที่ผลักดันการตรวจสอบการใช้จ่ายภาครัฐอย่างใกล้ชิด แสดงความเห็นเชิงบวกแบบระมัดระวังเกี่ยวกับการจัดตั้งกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลครั้งนี้
ทอม แชทซ์ ประธาน Citizens Against Government Waste หน่วยงานที่เคลื่อนไหวในการจัดการความไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานภาครัฐ กล่าวกับวีโอเอว่า DOGE จะเป็น “การตรวจสอบรัฐบาลกลางโดยเอกชนครั้งแรกที่ครอบคลุมและมีนัยสำคัญ” นับตั้งแต่ยุคประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ซึ่งเคยก่อตั้ง Grace Commission คณะกรรมาธิการที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาล เมื่อปี 1982
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของหน่วยงาน DOGE จะขึ้นอยู่กับปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของหน่วยงานนี้ โดยแชทซ์ มองว่า “ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะทำกับคำแนะนำเหล่านี้ .. คำแนะนำต่าง ๆ จะต้องถูกนำไปบังคับใช้ ไม่ว่าจะผ่านคำสั่งพิเศษฝ่ายบริหาร หรือกฎหมาย” และว่าต้องมีการผลักดันจากฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติในการนำคำแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เป็นรูปธรรม
ด้านมายา แมคกินนีส์ กล่าวยกย่องในแนวคิดเบื้องหลังความพยายามดังกล่าว ซึ่งระบุในแถลงการณ์ของทรัมป์ แต่ได้เตือนว่าสิ่งนี้ต้องการความร่วมมือจากนักการเมืองทั้งสองพรรค เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ถูกนำไปใช้
แมคกินนีส์ กล่าวว่า “สำคัญที่สุด กระบวนการจะต้องเป็นไปโดยความเห็นชอบจากทั้งสองพรรคให้ได้มากที่สุด เพื่อช่วยในการผลักดันและบังคับใช้แนวคิดเหล่านี้” และว่า “คำแนะนำต่าง ๆ จะต้องให้คองเกรสเห็นด้วย .. และมีทางเลือกต่าง ๆ เพื่อจัดการการขาดดุลการคลังของประเทศ”
งบประมาณมหาศาล
กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลในความดูแลของมัสก์และรามาสวามี จะนำแนวคิดการใช้งบประมาณของรัฐบาลกลางในแบบที่เรียกว่า “งบประมาณที่ถูกกำหนดไว้โดยกฎหมาย” (Mandatory Spending) ของรัฐบาลกลาง ซึ่งในปีงบประมาณ 2023 อยู่ที่ 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ จากงบประมาณ 6.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีดังกล่าว
เมื่อดูในรายละเอียด งบประมาณราว 1.3 ล้านล้านดอลลาร์จ่ายไปโดยหน่วยงานประกันสังคม (Social Security) โครงการภาครัฐที่จ่ายเงินเป็นรายได้ให้กับผู้เกษียณ อ้างอิงจากหน่วยงานวิเคราะห์งบประมาณ Congressional Budget Office งบประมาณอีก 448,000 ล้านดอลลาร์เป็นค่าใช้จ่ายให้กับชาวอเมริกันผู้มีรายได้น้อย 839,000 ล้านดอลลาร์ เป็นค่าใช้จ่ายโครงการประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุชาวอเมริกัน หรือ Medicare และ 616,000 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการสนับสนุนด้านสุขภาพของผู้มีรายได้น้อยชาวอเมริกัน หรือ Medicaid
งบก้อนที่สอง คือ งบประมาณที่จะจัดสรรขึ้นในแต่ละปีซึ่งไม่ได้มีกฎหมายกำหนดไว้ (Discretionary Spending) จำเป็นต้องได้รับการเห็นชอบจากสภาคองเกรส โดยในปีงบประมาณ 2023 อยู่ที่ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ งบก้อนนี้จะทำให้หน่วยงานรัฐบาลกลางดำเนินการต่อไปได้ โดยเกือบครึ่งหนึ่ง หรือราว 805,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2023 นั้นใช้ไปกับงบกลาโหม ส่วนอีก 917,000 ล้านดอลลาร์ใช้ไปกับคองเกรส ทำเนียบขาว และกระทรวงสำคัญต่าง ๆ ของรัฐบาล
หมวดหมู่สุดท้าย คือ ดอกเบี้ยหนี้ภาครัฐ ซึ่งเป็นพิกัดคลุมเครือระหว่างงบก้อนแรกและก้อนที่สอง แม้ในทางทฤษฎีแล้วสหรัฐฯ เลือกที่จะไม่ชำระดอกเบี้ยหนี้ก็ได้ แต่การตัดสินใจดังกล่าวอาจหมายถึงหายนะต่อเศรษฐกิจอเมริกาและทั่วโลก โดยการชำระส่วนนี้อยู่ที่ 659,000 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2023
โครงสร้างที่ไร้ความชัดเจน
ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า DOGE จะวางโครงสร้างอย่างไร เพราะหากจัดตั้งโดยคำสั่งพิเศษฝ่ายบริหาร จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ Federal Advisory Committee Act ที่มีขั้นตอนที่ต้องทำเพื่อความโปร่งใสและมีกฎระเบียบเพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
เรื่องนี้อาจเป็นปัญหาสำหรับมัสก์ ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้งหลายบริษัท ที่มีสัญญาจ้างมูลค่านับพันล้านดอลลาร์กับรัฐบาลกลางอเมริกัน
อย่างไรก็ตาม หาก DOGE จัดตั้งเป็นองค์กรเอกชนทั้งหมด ที่มีหัวหน้าหน่วยงานเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดี ก็ไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบในกฎหมายดังกล่าวได้นั่นเอง ที่มา: วีโอเอ