เรื่อง : AREA 54

●   เฟอร์รารี่เปิดตัวไฮเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นพิเศษ Ferrari F80 เนื่องในวาระครบรอบ 80 ปีของบริษัท ผลงานของทีมออกแบบ Ferrari Styling Centre ภายใต้การดูแลของ Flavio Manzoni หัวหน้าฝ่ายออกแบบของเฟอร์รารี่ ผลิตจำกัดจำนวน 799 คัน

●   งานออกแบบของ F80 ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Ferrari F40 ซึ่งเป็นรถรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 40 ปีในช่วงปี 1987 และมีการอ้างอิงรูปแบบบางส่วนมาจาก Ferrari Daytona SP3 ซึ่งเคยคว้ารางวัล Most Beautiful Supercar ปี 2022 ในงาน Paris Festival Automobile International ครั้งที่ 37 ตัวถังยังคงเป็นแบบคูเป้ในสไตล์ดั้งเดิม ประตูเปิดแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly doors)

●   ขนาดตัวมีความยาว 4,840 มม. กว้าง 2,060 มม. สูง 1,138 มม. ระยะฐานล้อ 2,665 มม. น้ำหนักตัวเปล่าๆ แบบไม่รวมของเหลว 1,525 กก.

●   ห้องโดยสารถูกออกแบบมาให้ผู้ขับรู้สึกเหมือนกำลังขับรถแข่งคนเดียว เฟอร์รารี่เรียกเลย์เอาท์เบาะแบบนี้ว่า “+1” เบาะผู้ขับจะเป็นเบาะเดียวที่ใช้สีแดงเด่นๆ ส่วนเบาะผู้โดยสารจะเป็นสีดำกลืนไปกับสีของห้องโดยสาร และมีตำแหน่งการจัดวางที่เยื้องไปทางด้านหลังเล็กน้อย แผงควบคุมบนคอนโซลกลางทั้งหมดปรับองศาให้เข้าหาตัวผู้ขับเพื่อลดการละสายตาจากท้องถนน

●   ชุดระบบไฮบริดใช้เครื่องยนต์เบนซิน ดาวน์ไซส์ซิ่ง แบบ V6 ความจุ 3.0 ลิตร ทวิน-เทอร์โบชาร์จ จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Axial flux 3 ตัวที่พัฒนาโดยบริษัทสัญชาติอังกฤษ YASA Motor (ปัจจุบันเป็นบริษัทลูกของ Mercedes-Benz AG) แยกติดตั้งแบบหน้า 2 หลัง 1 เสริมด้วย MGU-K หรือ Motor Generator Unit-Kinetic เทคโนโลยีเดียวกับรถ F1 ซึ่งนำพลังงานที่สูญเปล่าจากการเบรคมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า

●   ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ All-whell drive กำลังรวมทั้งระบบผลิตได้ถึง 1,200 แรงม้า (PS) อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 2.15 วินาที 0 – 200 กม./ชม. ภายใน 5.75 วินาที ความเร็วสูงสุดประมาณ 350 กม./ชม. แพคเกจแอร์โรไดนมามิคส์บนตัวรถสามารถสร้างดาวน์ฟอร์ซได้ถึง 1,000 กก. ที่ความเร็ว 250 กม./ชม.

●   อย่างไรก็ตาม F80 จะไม่มีโหมดไฟฟ้าล้วนให้ใช้งาน… พูดง่ายๆ ก็คือชุดระบบไฮบริดมีไว้เพื่อดันพละกำลังให้ถึงขีดสุดเท่านั้น

●   ชุดระบบช่วงล่างใช้เทคโนโลยีเดียวกันรถครอสโอเวอร์ SUV อย่าง Ferrari Purosangue ซึ่งมีระบบ Active Roll Control ที่ใช้ Anti-roll bars ไฟฟ้า ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 48 โวลท์ 4 ตัว แยกกันทำงานแบบอิสระเพื่อลดอาการโคลงของตัวรถ ส่วนระบบเบรคนั้น F80 จะใช้ชุดจานดิสค์คาร์บอน CCM-R Plus เจนเนอเรชั่นใหม่ของ Brembo ซึ่งมีความแข็งแรงของคุณสมบัติเชิงกลถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน และยังนำความร้อนได้ดีกว่าเดิมถึง 300%

●   ตามข่าว ราคาจำหน่ายของ F80 อยู่ที่ประมาณ 3,600,000 ยูโร หรือราวๆ 129.3 ล้านบาท กรอบเวลาการผลิตจะเริ่มขึ้นในปี 2025 จนถึงปี 2027 เท่านั้น และมีความเป็นไปได้ว่า F80 น่าจะมีรุ่นเปิดประทุนตามออกมาอีก 1 รุ่นครับ ●

2025 Ferrari F80

The post 2025 Ferrari F80 ไฮเปอร์คาร์พลัง V6 ไฮบริด 1,200 แรงม้า appeared first on motortrivia.