ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกคำสั่งห้ามการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมในน่านน้ำสหรัฐฯ เกือบทั้งหมด ก่อนที่รัฐบาลใหม่ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเข้ามาบริหารประเทศพร้อมแผนงานขยายการแสวงหาทรัพยากรด้านพลังงาน ก่อนที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาวใน 2 สัปดาห์ ไบเดนกล่าวว่า ตนใช้อำนาจที่มีอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐบาลกลางที่มีชื่อว่า Outer Continental Shelf Lands Act เพื่อปกป้องพื้นที่นอกชายฝั่งของประเทศทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกของประเทศ รวมทั้งพื้นที่อ่าวเม็กซิโกด้านตะวันออกและพื้นที่ทะเลแบริงในส่วนของรัฐอลาสกา ไม่ให้มีการออกใบอนุญาตสัมปทานการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอีกต่อไปในอนาคต ไบเดนระบุในแถลงการณ์ว่า “การตัดสินใจของผมสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่ชุมชนตามชายฝั่ง ภาคธุรกิจและผู้ที่นิยมไปท่องเที่ยวตามชายหาดทราบดีมานานแล้ว นั่นก็คือ การขุดเจาะตามแนวชายฝั่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจเยียวยาได้ต่อที่ ๆ เรารักยิ่ง และเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อความต้องการด้านพลังงานของประเทศเราเลย” ผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบันยังกล่าวด้วยว่า ขณะที่ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกยังคงเป็นภัยคุกคามสหรัฐฯ และประเทศทั้งประเทศกำลังเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่เศรษฐกิจพลังงานสะอาดอยู่ “สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้ก็คือการปกป้องชายหาดทั้งหมดเพื่อลูกหลานของเรา” ทั้งนี้ คำสั่งล่าสุดของไบเดนจะไม่มีผลบังคับใช้ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของอ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นบริเวณที่การขุดเจาะน้ำมันและก๊าซส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ดำเนินอยู่ แต่จะช่วยปกป้องพื้นที่ตามแนวชายฝั่งของรัฐแคลิฟอร์เนีย ฟลอริดาและรัฐอื่น ๆ ไม่ให้ต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคตได้ การดำเนินการล่าสุดของไบเดนนี้ที่จะช่วยปกป้องพื้นที่กว่า 625 ล้านเอเคอร์ (ราว 1,580 ล้านไร่) ที่เป็นของรัฐบาลกลางจะทำให้ความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ในการปลดล็อกคำสั่งห้ามขยายธุรกิจขุดเจาะพลังงานนั้นทำได้ยากขึ้น เพราะต้องใช้อำนาจของสภาคองเกรสในการยกเลิก ทั้งนี้ เมื่อปี 2020 ทรัมป์เคยลงนามในเอกสารสั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในสั่งห้ามการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในน่านน้ำนอกชายฝั่งรัฐฟลอริดาและรัฐจอร์เจีย รวมทั้งรัฐเซาธ์แคโรไลนาไปจนถึงปี 2032 หลังจากที่ก่อนหน้านั้นเคยพยายามขยายการอนุญาตขุดเจาะพลังงานนอกชายฝั่งอย่างแข็งขัน จนกระทั่งเจอกระแสต่อต้านหนักจากประชาชนในฟลอริดาและรัฐต่าง ๆ ที่มีพื้นที่ติดชายฝั่ง ก่อนเข้าบริหารประเทศรอบใหม่นี้ ทรัมป์ประกาศว่าจะผลักดันให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าเป็น “ความเป็นจ้าวด้านพลังงาน” ของชาวอเมริกันในเวทีโลก ด้วยการยกระดับและขยายการขุดเจาะหาพลังงานพร้อม ๆ กับการถอยห่างออกจากนโยบายแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกของรัฐบาลไบเดน นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมต่างออกมาชื่นชมต่อคำสั่งล่าสุดของไบเดน พร้อมย้ำว่า ระดับการขุดเจาะพลังงานในโลกนั้นต้องลดลงอย่างหนักเพื่อขจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะหลังจากปี 2024 ได้ชื่อว่าเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกในประวัติศาสตร์มา โจเซฟ กอร์ดอน ผู้อำนวยการโครงการของกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม Oceana กล่าวว่า สิ่งที่ไบเดนทำนั้นถือเป็น “ชัยชนะระดับมหากาพย์สำหรับมหาสมุทร” พร้อมแสดงความขอบคุณต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันที่ “ยอมรับฟังเสียงจากชุมชนตามแนวชายฝั่ง” ที่คัดค้านการขุดเจาะหาพลังงาน ขณะเดียวกัน แคโรลีน ลีวิตต์ โฆษกของทรัมป์ออกมาถากถางไบเดนและกล่าวว่า “ชัดเจนเลยว่า โจ ไบเดน ต้องการให้ประเด็นราคาน้ำมันพุ่งสูงเป็นตำนานของตนเอง” ลีวิตต์ยังเรียกคำสั่งของไบเดนว่าเป็น “การตัดสินใจอันน่าอดสูที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำการแก้แค้นทางการเมืองต่อชาวอเมริกันที่มอบอาณัติให้กับประธานาธิบดีทรัมป์ในการเพิ่มการขุดเจาะและลดราคาน้ำมัน ... ขอให้ทุกท่านวางใจได้เลยว่า โจ ไบเดน จะล้มเหลว และที่รัก เราจะขุด ขุด ต่อไป”       ที่มา: เอพี