BEFAST สัญญาณเตือนของโรคเลือดสมอง
การรู้สัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง เป็นขั้นตอนแรกในการป้องกันความรุนแรงที่อาจส่งผลให้สมองเสียหายถาวรหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้นการรู้เท่าทันอันตรายจากโรคหลอดเลือดในสมอง คือสิ่งที่ทุกคนควรใส่ใจและให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
- Oct 17 2022
- 120
- 2831 Views
บทความโดย แพทย์หญิงพิมลพรรณ วิเลสสาระกูล แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรแพทย์ระบบประสาทและสมอง โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล (WMC)
การรู้สัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง เป็นขั้นตอนแรกในการป้องกันความรุนแรงที่อาจส่งผลให้สมองเสียหายถาวรหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้นการรู้เท่าทันอันตรายจากโรคหลอดเลือดในสมอง คือสิ่งที่ทุกคนควรใส่ใจและให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
โรคหลอดเลือดสมองคืออะไร?
โรคหลอดเลือดสมองหรือ “STROKE” เป็นภาวะที่คุกคามถึงชีวิตอย่างร้ายแรง เกิดจากหลอดเลือดสมองตีบอุดตันหรือแตก ส่งผลให้สมองบางส่วนทำงานผิดปกติและสูญเสียการทำหน้าที่ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการอัมพฤกษ์อัมพาต มักพบบ่อยในวัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ภาวะผิดปกติโรคหลอดเลือดสมองแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
- กลุ่มสมองขาดเลือด พบประมาณร้อยละ 75 - 80 เป็นภาวะเลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง เนื่องจากเกิดการอุดตันของเส้นเลือด
- กลุ่มที่มีเลือดออกในสมอง พบประมาณร้อยละ 20 - 25 เป็นภาวะเลือดออกในสมอง เนื่องจากภาวะหลอดเลือดแตก มีอัตราเสียชีวิตสูง
ปัจจัยเสี่ยง
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวได้แก่ โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- การสูบบุหรี่
- ขาดการออกกำลังกาย
- ภาวะเครียด
- โรคอ้วน
การรู้สัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมองสามารถช่วยชีวิต
เราสามารถสังเกตอาการ BEFAST ด้วยตนเองและคนใกล้ชิดได้ ดังนี้
B : BALANCE = อาการวิงเวียนศีรษะ เดินเซ เสียการทรงตัว ไม่สามารถทรงตัวได้
E : EYE = อาการตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน หรือมองไม่เห็น
F : FACE = อาการปากเบี้ยว หน้าเบี้ยว มุมปากตก
A : ARM = อาการแขน ขา อ่อนแรงครึ่งซีก ไม่มีแรงหรือชาอย่างเฉียบพลัน
S : SPEECH = อาการพูดไม่ชัด ลิ้นแข็ง พูดไม่ออก พูดตะกุกตะกัก
T : TIME = เน้นความสําคัญของเวลา รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดภายใน 3 ชั่วโมง
การรักษาซึ่งในวันนี้จะเน้นเฉพาะกลุ่มสมองขาดเลือด
การรักษาโรคหลอดเลือดสมองขึ้นอยูกับความรุนแรงและระยะเวลาที่ผูปวยมีอาการ ถาผูปวยมารับการรักษาเร็วเท่าใด โอกาสที่จะพิการหรือเสียชีวิตก็จะลดลงมากเท่านั้น โดยแพทย์จะทำการรักษาดังนี้
- การใช้ยาละลายลิ่มเลือดทางเส้นเลือดดำ
- ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องทำหัตถการเพื่อเอาลิ่มเลือดออก หรือในรายที่เป็นมากอาจจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อรักษาอาการบวมของสมองและลดความเสี่ยงที่จะมีเลือดออกมากขึ้น
- การพักฟื้นผู้ป่วยจะต้องได้รับการกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูความสามารถในการสื่อสาร และการเคลื่อนไหว
- การกินยาเพื่อป้องกันการเกิดเส้นเลือดสมองตีบซ้ำอย่างสม่ำเสมอ
การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง
- หลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมันสูง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ควบคุมน้ำหนัก
- ไม่สูบบุหรี่
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ควรหมั่นตรวจสุขภาพประจำปีเมื่ออายุมากขึ้น
- พยายามควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ
- ถ้ามีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ควรได้รับการรักษาและกินยาอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และการรู้เท่าทันสัญญาณอันตรายของโรคหลอดเลือดสมองจึงมีความสำคัญอย่างมากเพราะทุกนาทีในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหลอดเลือดในสมองมีค่า สามารถช่วยลดความรุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิต รวมถึงความพิการในผู้ป่วยวิกฤติทางสมองให้เหลือน้อยที่สุด ดังนั้น หากมีสัญญาณเตือนของอาการต่างๆ เกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ทันที นอกจากนี้การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง จะช่วยให้เราสามารถตรวจพบความผิดปกติหรือภาวะเสี่ยงที่จะเกิดโรคดังกล่าวได้ เพราะฉะนั้นอย่าลืมหาเวลาตรวจเช็คสุขภาพสม่ำเสมอนะ
บทความโดย แพทย์หญิงพิมลพรรณ วิเลสสาระกูล แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรแพทย์ระบบประสาทและสมอง
สอบถามเพิ่มเติม : ศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง ชั้น 2
โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ถนนเเจ้งวัฒนะ ( WMC )
โทร.02-836-9999 ต่อ 2921-3
Satang ผู้นำด้านการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล