งานฉลองคืนวันฮัลโลวีนในสหรัฐฯ ปีนี้อาจเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย สืบเนื่องจากราคาเมล็กโกโก้ที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก อาจทำให้เด็ก ๆ ได้ขนวมเป็ยช็อคโกแลตน้อยลง อ้างอิงจากข้อมูลของธนาคารเวลส์ ฟาร์โก  สื่อซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ราคาโกโก้ได้เพิ่มขึ้นเกินสองเท่าตั้งแต่ต้นปีนี้ไปอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นสถิติใหม่ ส่งผลให้งานฉลองหลายเทศกาลในสหรัฐฯ ต้องขาดแคลนผลิตภัณฑ์จากโกโก้และช็อคโกแลต ซึ่งรวมถึงเทศกาลวาเลนไทน์และอีสเตอร์ เมื่อช่วงต้นปี เช่นเดียวกับคืนวันฮัลโลวีนปีนี้ ซีเอ็นเอ็นระบุว่า บริษัทขนมหวานหลายแห่งต่างหากลยุทธ์ที่จะมารับมือเรื่องนี้ ซึ่งรวมถึงการลดขนากของแท่งช็อคโกแลตลง และเพิ่มปริมาณสินค้าที่ไม่ต้องมีช็อคโกแลตผสม เดวิด บรานช์ ผู้บริหารของธนาคารเวลส์ ฟาร์โก กล่าวว่า โกโก้ไม่เหมือนพืชชนิดอื่นเพราะต้องปลูกเฉพาะพื้นที่ที่ปลูกได้ภายใต้อุณหภูมิที่พอเหมาะเท่านั้น แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยส่งผลให้ปริมาณผลผลิตโกโก้ลดลงมากในแถบตะวันตกของทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตโกโก้ราว 70% ของโลก องค์กรโกโก้ระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า ปีนี้จะมีผลผลิตโกโก้ลดลงราว 14.2% ซึ่งส่งผลให้ยอดขายสินค้าและผลกำไรของบริษัทผู้ผลิตช็อคโกแลตรายใหญ่ อย่างเช่น เฮอร์ชีย์ (Hershey) ลดลงไปเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ราคาโกโก้จะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปจนถึงอย่างน้อยกลางเดือนหน้า นั่นทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องหาทางปรับตัว ซึ่งหนทางหนึ่งที่ทำมาใช้คือการลดขนาดหรือปริมาณผลิตภัณฑ์ช็อคโกแลตลง  อีกวิธีหนึ่งที่นิยมนำมาใช้คือการผสมรสอื่นลงในช็อคโกแลต หรือคิดค้นรสใหม่ ๆ มาแทน  แซลลี ลีออนส์ แห่งบริษัทเซอร์คานา (Circana) กล่าวว่า มีการนำวัตถุดิบอื่นมาใช้แทนช็อคโกแลต เพื่อลดการใช้โกโก้ที่มีราคาแพงกว่า  บริษัทขนมหวาน มาร์ส (Mars) บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า ทางบริษัทได้เพิ่มการผลิตลูกอมผลไม้ออกมาในช่วงเทศกาลฮัลโลวีนปีนี้แทนช็อคโกแลต เพื่อเป็นทางเลือกราคาถูกกว่าสำหรับเด็ก ๆ และคุณพ่อคุณแม่ด้วย  ทั้งนี้ รายงานของสมาคมขนมหวานแห่งชาติ หรือ National Confectioners’ Association ระบุว่า ยอดขายของลูกอมที่ไม่ใช่ช็อคโกแลตเพิ่มขึ้นราว 12% เมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขนมหวานจากช็อคโกแลตยังคงเป็นสินค้ายอดนิยมที่สุดสำหรับผู้บริโภคในเทศกาลฮัลโลวีน รวมทั้งเทศกาลอื่น ๆ  ที่มา: ซีเอ็นเอ็น