logologo

Easy Branches ให้คุณแบ่งปันโพสต์แขกของคุณภายในเครือข่ายของเราในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเข้าถึงลูกค้าทั่วโลก เริ่มแบ่งปันเรื่องราวของคุณวันนี้!

Easy Branches

34/17 Moo 3 Chao fah west Road, Phuket, Thailand, Phuket

Call: 076 367 766

info@easybranches.com
รถ

Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Line สวรรค์ของการขับทางไกล

เรื่อง – ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ ●   ระหว่างวันที่ 23-26 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ทีมงานมอเตอร์ทริเวีย ได้เดินทางไปร่วมงานเปิดตัว เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ใหม่ ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ เบนซ์ ทีทีซี มอเตอร์ อุบลราชธานี เดินทางด้วยเอสยูวีขนาดกลา

โดย: motortrivia.com

  • May 30 2024
  • 53
  • 7638 Views

เรื่อง – ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ

●   ระหว่างวันที่ 23-26 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ทีมงานมอเตอร์ทริเวีย ได้เดินทางไปร่วมงานเปิดตัว เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ใหม่ ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ เบนซ์ ทีทีซี มอเตอร์ อุบลราชธานี เดินทางด้วยเอสยูวีขนาดกลางกึ่งใหญ่ 5 ที่นั่ง GLE 300d 4MATIC AMG Line ราคา 4,980,000 บาท ระยะทางรวมแวะขึ้นไปถ่ายรูปบนเขาใหญ่ ประมาณ 700 กิโลเมตร ขับคนเดียวตั้งแต่เช้าถึงค่ำ ซึมซับความรู้สึกในการขับอย่างเต็มอิ่ม สมรรถนะและความสะดวกสบายจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ผมจะเล่าให้ฟังครับ

●   GLE 300 d แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย รุ่นที่ขับเป็นรุ่นเริ่มต้น ส่วนรุ่นท๊อปคือ GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานหลายรายการ ราคา 5,590,000 บาท แต่เท่าที่อยู่กับรถกว่า 10 ชั่วโมง ก็ไม่รู้สึกว่า GLE 300 d 4MATIC AMG Line จะขาดแคลนอะไร อุปกรณ์ช่วยการขับก็มีระบบเตือนจุดบอดด้านข้างที่ได้ใช้บ่อยๆ และระบบ Active Brake Assist ช่วงล่างไม่ใช่ถุงลมที่ปรับสูง-ต่ำ และปรับความแข็งได้ เป็นสปริงโลหะแบบ Lowered Suspension ก็สบายใจเวลาต้องเซอร์วิส ได้ล้อแม็กลาย 5 ก้านขนาด 20 นิ้ว ส่วนรุ่น GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic ได้ล้อแม็ก 21 นิ้ว พร้อมยางต่างขนาดหน้า-หลัง รุ่นที่ขับไม่มีประตูดูด ไม่มีพาโนรามิกซันรูฟ และไม่มีระบบ Head-up Display

ภายนอกเรียบหรูแฝงความดุดัน

●   แม้จะเป็นเอสยูวีคันใหญ่ ยาวเกือบ 5 เมตร และกว้าง 2 เมตร แต่ก็ออกแบบให้ดูไม่เทอะทะ เติมความสปอร์ตด้วยชุดแต่ง AMG รอบคัน ให้ความรู้สึกดุดันทั้งจากฝากระโปรงหน้าที่มี Power Dome และซุ้มล้อหลังที่ผายออกเพื่อรับกับหน้ายางขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกหนักแน่นมีพลัง มิติตัวรถมีความยาว 4,926 มิลลิเมตร กว้าง 2,015 มิลลิเมตร (รวมกระจกมองข้าง 2,157 มิลลิเมตร) สูง 1,797 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,995 มิลลิเมตร ล้อ 20 นิ้ว พร้อมยาง 275/50 R20 ทั้ง 4 ล้อ

●   ภายนอกมีให้เลือก 3 สี คือ สีเงิน High-tech Silver สีขาว Polar White และคันในรูปสีดำ Obsidian Black ที่ทำให้ชุดแต่งโครเมียมรอบคันมีความโดดเด่นขึ้น ทั้งในส่วนของกระจังหน้า, กันชนหน้า, กรอบกระจกข้าง, ที่เปิดประตู, แร็คหลังคา, บันไดข้างที่มาพร้อมปุ่มยางกันลื่น และกันชนหลัง ช่วงล่างแบบลดความสูง ทำให้มุมมองด้านข้างไม่ดูสูงโย่งจนเกินไป ระหว่างแก้มยางกับซุ้มล้อมีช่องว่างกำลังพอดี แม้รถจะคันใหญ่แต่ก็ขับได้อย่างมั่นใจด้วยเซ็นเซอร์กะระยะหน้าและหลังอย่างละ 6 จุด มีกล้องมองรอบคันแบบเปลี่ยนมุมมองได้ พร้อมเส้นกะระยะแปรผันตามการหมุนพวงมาลัย

กว้างขวาง หรูหรา ทันสมัย

●   ภายในหรูหราตามคลาส ตกแต่งด้วยหนังแท้ เบาะหนัง Nappa สีดำ แผงคอนโซลและแผงประตูหุ้มหนัง ARTICO ตกแต่งด้วยลายไม้โอ๊คสีเข้ม Anthracite open-pore oak จุดเด่นของ GLE คือ ชุดมาตรวัดแบบชิ้นเดียว Widescreen Cockpit ประกอบด้วยมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว ที่ปรับการแสดงผลได้หลายรูปแบบ ต่อเนื่องกับจอกลางระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบ MBUX รุ่นใหม่ล่าสุด การแสดงผลคมชัด ตอบสนองการสัมผัสลื่นไหล พวงมาลัยสปอร์ต 3 ก้านแบบใหม่ ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง หลังพวงมาลัยฝั่งขวาเป็นคันเกียร์ ฝั่งซ้ายเป็นไฟเลี้ยวและที่ปัดน้ำฝนหน้าหลัง และมี Paddle Shift ที่พวงมาลัย

●   ช่องแอร์ที่คอนโซลกลางดีไซน์รับกับช่องแอร์ที่มุมซ้ายขวาของแผงคอนโซล ชุดควบคุมแอร์ดิจิตอลแยกซ้ายขวา และแสดงผลบนหน้าจอกลางเมื่อกดใช้งาน ถัดลงมาเป็นที่วางแก้วน้ำพร้อมฝาปิด มีแท่นชาร์จไร้สาย และช่องเชื่อมต่อแบบ USB-C คอนโซลเกียร์ (ซึ่งไม่มีเกียร์) ออกแบบให้เป็นที่จับเมื่อขับลุยออฟโรด เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ GLE ตรงกลางมีชุดควบคุมหน้าจอกลางและปุ่มลัดระบบหลักที่ใช้งานบ่อย ที่เท้าแขนกลางเบาะหน้ามีฝาปิด จุของได้พอสมควร

●   เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำ 3 ตำแหน่ง มีระบบอุ่นเบาะ และระบบนวด ซึ่งได้ใช้งานจริงเมื่อขับทางไกลต่อเนื่องกว่า 400 กิโลเมตร เปิดระบบนวดเบาะจะปรับที่ดันหลังไฟฟ้า และขยับเบาะนั่งกับพนักพิงเล็กน้อย ไม่รบกวนท่านั่งขับ เรียกว่าช่วยเปลี่ยนอิริยาบทนิดหน่อยพอหายเมื่อย ตัวเบาะหนานุ่มพอเหมาะ ขับทางไกลไม่เมื่อยก้น ปรับท่านั่งให้ถูกต้องและสบายจะขับได้ต่อเนื่องโดยไม่เมื่อยแขนเมื่อยขา ใต้แผงคอนโซลฝั่งขวา มีสวิตช์ควบคุมไฟหน้า เบรกมือไฟฟ้า และสวิตช์ปรับความสว่างชุดมาตรวัด

●   ได้ลองนั่งเบาะหลังตอนถ่ายภาพนิ่งกับวีดิโอ พบว่าที่วางขากว้างขวางเหลือเฟือมากกับความสูงผู้ขับ 169 เซนติเมตร พื้นที่เหนือศีรษะก็เหลือเกือบ 20 เซนติเมตร เพราะแนวหลังคาไม่ได้ลาดลงมากนัก เบาะหลังมีที่เท้าแขนพร้อมที่วางแก้วน้ำ ส่วนอุโมงค์กลางก็นูนขึ้นมาไม่มากนัก ทำให้วางเท้าได้สะดวก มีสวิตช์ปรับแอร์ด้านหลังแบบแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา ปรับแรงลมและทิศทางลมได้อย่างอิสระ มีช่องแอร์ทั้งที่ด้านหลังที่เท้าแขนกลางเบาะหน้า และที่เสากลางทั้ง 2 ฝั่ง พนักพิงแยกพับได้ 3 ส่วน 40:20:40 ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 630 ลิตร และเพิ่มเป็น 2,055 ลิตร เมื่อพับพนักพิงเบาะหลัง กระจกประตูคู่หลังมีม่านบังแดดไฟฟ้า กดสวิตช์ขึ้น-ลงจังหวะแรก จะเป็นการเปิด-ปิดม่านไฟฟ้า และถ้ากดสวิตช์ลึกขึ้นอีกนิดเป็นจังหวะ 2 จะเปิด-ปิดกระจก

●   การตกแต่งโดยรวมเนี๊ยบสมกับเป็น GLE ทั้งคุณภาพวัสดุ การประกอบ และการเลือกคู่สีที่เหมาะกับคลาสรถ ตลอดการเดินทางใช้การเชื่อมต่อ Apple CarPlay ชาร์จแบตฯ สมาร์ทโฟนไปด้วย ฟังเพลงผ่าน App Music ขับกล่อมด้วยเครื่องเสียง Burmester ประกอบกับการเก็บเสียงที่ดี มุมมองโปร่งโล่งกว้างไกล มีทัศนวิสัยรอบคันที่ดี ทำให้การขับทางไกลมีความเพลินเพลิน ขับได้อย่างมั่นใจและไม่เครียด

บล็อกเล็ก สเปคไม่ธรรมดา

●   GLE 300 d ทั้ง 2 รุ่นย่อย ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบ 2 สเตจ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 1,993 ซีซี ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG หรือ Integrated Starter Generator พร้อมแบตเตอรี่ 48V on-board electrical system ให้กำลัง 15 กิโลวัตต์ มีกำลังสูงสุดรวม 269 แรงม้า ที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่ล้อทั้ง 4 ในแบบ 50:50 ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง 6.5 เปอร์เซ็นต์ ตามสเปคระบุ เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.9 วินาที ขับเคลื่อน 4 ล้อ ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถังน้ำมันจุ 85 ลิตร

●   ออกเดินทางประมาณ 8.00 น. จากแถวกลางเมือง รู้สึกว่าเป็นรถที่ขับความเร็วต่ำได้ง่าย ขับได้นุ่มนวล ไหลไปตามสภาพการจราจรที่ติดขัดได้ดี ปัญหาเดียวคือ ความกว้างของตัวรถกว่า 2 เมตร เมื่อเจอความกว้างของเลนที่ไม่ค่อยได้มาตรฐาน ทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ขึ้นทางด่วนแล้วขับได้อย่างสบายใจ ไม่รู้สึกว่ารถใหญ่คับเลน บุคลิกของเครื่องยนต์ก็ตามสไตล์ดีเซลยุคใหม่ ที่เร่งเพิ่มความเร็วได้ทันใจโดยไม่จำเป็นต้องคิ๊กดาวน์เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ และใช้รอบค่อนข้างต่ำ ที่เกียร์ 8 ทำความเร็วได้เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้รอบเพียงแค่ 1,700 รอบต่อนาที หรือถ้าไล่ไปถึงเกียร์สูงสุดคือเกียร์ 9 ที่รอบประมาณ 2,500 รอบต่อนาที ความเร็วจะไปถึง 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

●   ลองคิ๊กดาวน์ดู การตอบสนองของเกียร์ก็รวดเร็วทันใจ อัตราเร่งไม่ถึงกับดึงหนักจนหลังติดเบาะ แต่ก็มาอย่างต่อเนื่อง รอบไต่ไปถึง 4,300 รอบต่อนาทีได้อย่างลื่นไหล ไม่ต้องเค้นเครื่องยนต์ ในการใช้งานจริงใช้รอบอยู่ในช่วง 2,000-3,000 รอบต่อนาที ก็ได้อัตราเร่งและความเร็วที่เหลือเฟือแล้ว และสามารถปรับ DYNAMIC SELECT ได้อีก 5 โหมด ทั้ง Offroad ที่จำกัดความเร็วสูงสุด 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Eco, Comfort, Sport และ Individual ที่สามารถปรับตั้งการตอบสนองของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง, พวงมาลัย และการทำงานของ ESP ได้เอง ตลอดการขับจะใช้โหมด Individual ปรับ Comfort ในส่วนของเครื่องยนต์และ ESP ส่วนพวงมาลัยปรับเป็น Sport เพื่อให้หนักแน่นขึ้นอีกนิด

●   ช่วงแรกขับจากกรุงเทพฯ ถึงร้านอาหารแถวเขาใหญ่ประมาณ 10.30 น. ระยะทาง 177 กิโลเมตรใช้เวลา 2 ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ย 88 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.9 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าหรูหรามากสำหรับรถคันสูงใหญ่แบบนี้ มาตรวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงจากเต็มถังไปเล็กน้อย ยังไม่ถึง 1 ใน 4 และแจ้งว่ายังขับได้อีก 975 กิโลเมตร ถ้าขับด้วยเงื่อนไขประมาณนี้ แสดงว่าถ้าเต็มถังแล้วขับไม่เร็วมาก จะขับได้เกิน 1,000 กิโลเมตร กับถังน้ำมันที่มีความจุ 85 ลิตร เติมทีขับกันยาวๆ

●   ขับขึ้นไปถ่ายภาพนิ่งกับวีดิโอบนเขาใหญ่ ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาพอสมควร ลองกดดู Google Map เล่นๆ เหลือระยะทางอีก 480 กิโลเมตร ใช้เวลา 6.30 ชั่วโมง ถึงจุดหมายปลายทาง เซ็นทารา อุบลฯ เวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ลงจากเขาใหญ่แวะเติมน้ำมันเต็มถังอีกครั้งเพราะตั้งใจจะขับยาวๆ แบบไม่พัก คราวนี้ได้ใช้สมรรถนะของเครื่องยนต์อย่างเต็มที่ ด้วยแรงบิดที่เหลือเฟือและมาในช่วงรอบต่ำ-ปานกลาง เวลาเร่งแซงหรือเพิ่มความเร็วจึงไม่จำเป็นต้องคิ๊กดาวน์ เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ มีการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น-ลงที่รวดเร็วกระชับแต่นุ่มนวล แทบไม่รู้สึกว่าเกียร์เปลี่ยน

●   การเร่งแซงไม่ต้องรีดเค้นเครื่องยนต์ แค่เพิ่มน้ำหนักเท้าขวาที่กดคันเร่ง ก็แซงได้อย่างปลอดภัยแล้ว เสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างเงียบ และแทบไม่รู้สึกถึงความสั่นสะเทือน ทำให้ขับต่อเนื่องได้อย่างผ่อนคลาย ไม่เหนื่อยล้าและไม่เครียด บวกกับห้องโดยสารที่เงียบ แทบไม่มีเสียงลมปะทะ และตัวรถที่นิ่งไม่โคลง เมื่อถนนโล่งและปลอดภัยก็เผลอใช้ความเร็วสูงโดยไม่รู้ตัว ยืนพื้นที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้สบาย ได้ลองไฟหน้า LED High-Performance ช่วงโพล้เพล้และฝนตกพรำๆ ก็สว่างไกลคมชัดดี แม้จะไม่ใช่ MULTIBEAM LED แบบรุ่นท๊อป ถึงปลายทางด้วยอัตราสิ้นเปลืองที่รีเซตใหม่อัตโนมัติตอนดับเครื่องยนต์เติมน้ำมัน ประมาณ 10 กิโลเมตรต่อลิตร

เซตช่วงล่างได้อย่างลงตัว

●   ระบบกันสะเทือนแบบสปริงโลหะ Lowered Suspension ด้านหน้าปีกนก 2 ชั้น ด้านหลังมัลติลิงก์ เซตมาตามสไตล์รถคือ เน้นความนุ่มนวล ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีแม้ใส่ยางขนาด 275/50 R20 ขับในเมืองผ่านฝาท่อก็ไม่รู้สึกกระแทก ขับทางไกลใช้ความเร็วตามกฎหมายจะรู้สึกว่าช้ามาก เพราะรถนิ่งแม้ใช้ความเร็วสูงก็ยังไว้ใจได้ ไม่มีอาการแปลกปลอมให้กังวล การใช้เครื่องยนต์บล็อกเล็ก 4 สูบ พิกัด 2 ลิตร น้ำหนักไม่ถ่วงด้านหน้ามากนัก น่าจะส่งผลให้เซตช่วงล่างได้ลงตัวง่ายขึ้น และอาการของรถก็ค่อนข้างคล่องแคล่วสมดุล

●   ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ คู่หน้าเจาะรูระบายความร้อน ตลอดระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร มีเบรกหนักๆ แค่ครั้งเดียวเพราะขับมาเร็วแล้วรถใหญ่เบี่ยงออกขวาแบบกระชั้นชิด ระบบเบรกสร้างแรงดึงได้อย่างเหมาะสมกับสมรรถนะและขนาดของตัวรถ ควบคุมแรงเบรกได้ง่าย และแทบไม่มีอาการหน้าทิ่มท้ายยก เบรกได้นิ่งสนิทดี แม้เป็นเอสยูวีหรู แต่ก็ไม่ได้จำกัดการใช้งานเฉพาะทางเรียบเท่านั้น ถ้าเจ้าของใจถึงพอ ก็สามารถลุยทางวิบากได้ด้วย เพราะตัวรถมีฟังก์ชั่นสำหรับการขับลุยมาให้ ทั้งโหมดการขับแบบออฟโรด ที่ระบบจะจัดการการตอบสนองเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง พวงมาลัย และระบบป้องกันการลื่นไถลให้อย่างเหมาะสม มีมาตรวัดและหน้าจอกลาง สำหรับการขับออฟโรดโดยเฉพาะ แสดงข้อมูลทั้งมุมเอียงของตัวรถ องศาพวงมาลัย เข็มทิศ แรงดันลมยาง และระดับความสูง

●   Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Line ลดทอนอุปกรณ์ไปหลายรายการ แต่เท่าที่ขับก็ไม่รู้สึกว่ากระทบกับการใช้งาน อย่างเดียวที่อยากได้จากรุ่นท๊อปก็คือ ไฟหน้า MULTIBEAM LED เพราะได้ใช้งานบ่อยแน่ๆ นอกนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอยากได้อะไร รถรุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถไว้ใช้งานยาวๆ ประหยัดทั้งตอนซื้อและตอนเซอร์วิส ขับในเมืองไม่ถึงกับอึดอัด และตอบโจทย์สำหรับการขับทางไกล ด้วยตัวรถที่สูงทัศนวิสัยดี ช่วงล่างและเบรกไว้ใจได้ และที่สำคัญคือ เครื่องยนต์ดีเซลที่นิ่งและเงียบ เร่งได้ทันใจสุดๆ หรือถ้าขับไม่เร็วก็ประหยัดน้ำมันได้ระดับ 15 กิโลเมตรต่อลิตร ภายในกว้างขวางนั่งนุ่มสบาย เป็นสวรรค์ของการขับทางไกลอย่างแท้จริง

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถรุ่นต่างๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เชิญได้ที่ Official Website : www.mercedes-benz.co.th หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook : Mercedes-Benz Thailand หรือ Instagram : @MercedesBenzThailand หรือ LINE : @mercedesbenzth       ●

Test Drive : 2024 Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Line

The post Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Line สวรรค์ของการขับทางไกล appeared first on motortrivia.

ที่เกี่ยวข้อง


แบ่งปันหน้านี้

โพสต์ของแขกโดย Easy Branches

all our websites

image