Aion Hyptec HT เปิดราคาในไทย รุ่นมาตรฐานเริ่มต้น 1,449,000 บาท
ภาพ : จันทนา เจริญทวี ● หลังจัดแสดง และเปิดจองล่วงหน้าไปในงาน บางกอก มอเตอร์โชว์ 2024 วันนี้ GAC Aion ประเทศไทย ก็จัดงานเปิดตัวรถ SUV ไฟฟ้า Aion Hyper HT อย่างเป็นทางการ โดยจะเปลี่ยนชื่อการทำตลาดเป็น “Aion Hyptec HT” เบื้องต้นการจำหน่ายจะแยกเป
ภาพ : จันทนา เจริญทวี
● หลังจัดแสดง และเปิดจองล่วงหน้าไปในงาน บางกอก มอเตอร์โชว์ 2024 วันนี้ GAC Aion ประเทศไทย ก็จัดงานเปิดตัวรถ SUV ไฟฟ้า Aion Hyper HT อย่างเป็นทางการ โดยจะเปลี่ยนชื่อการทำตลาดเป็น “Aion Hyptec HT” เบื้องต้นการจำหน่ายจะแยกเป็น 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วยรุ่นมาตรฐาน Hyptec HT 620 Premium ประตูหลังแบบปกติ และ Hyptec HT 620 Luxury ประตูหลังแบบปีกนก ราคาเริ่มต้นที่ 1,449,000 บาท
● GAC Aion ระบุว่า ชื่อ “Hyptec” เป็นการเล่นคำระหว่าง Hyper + Technology ตัวรถจะทำตลาดภายใต้คอนเซ็ปท์ที่เน้นจุดเด่นของตัวรถ 5 ด้าน คือ Hyptec Design, Hyptec Space, Hyptec Smart, Hyptec Energy และ Hyptec Performance
● Hyptec HT เป็นรถ SUV ขนาดกลางที่ออกแบบในสไตล์เรียบหรู โดยเพิ่มความเป็นรถครอบครัวให้มากกว่าซีดานไฟฟ้า Hyper GT และลดทอนความสปอร์ตลงเมื่อเทียบกับ Hyper SSR ซึ่งเป็นรถในกลุ่มซูเปอร์คาร์ งานออกแบบมากับกระจังหน้าแบบปิดที่เรียกว่า Wind Blade Grille, มือเปิดประตูแบบ Flush Door เรียบไปกับตัวถัง, ประตูคู่หลังเปิดแบบ Gull-wing doors ความสูงเมื่อเปิดอยู่ที่ 2.3 เมตร ระยะด้านข้าง 34 ซม. พร้อมระบบหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางด้วยเรดาร์ 12 จุด
● ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม Advanced Electrification Platform (AEP) ขนาดตัวมีความยาว 4,935 มม. กว้าง 1,920 มม. สูง 1,700 มม. ความยาวฐานล้อจากกึ่งกลางล้อหน้า-หลัง 2,935 มม.
● ห้องโดยสารมากับมาตรวัดดิจิทัลขนาดเล็กทรงอัลตร้าไวด์หลังพวงมาลัย ขนาด 8.8 นิ้ว, จอทัชสกรีนสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ ADiGO SPACE ขนาด 14.6 นิ้ว ประมวลผลด้วยชิป Qualcomm® 8155 จัดวางแบบลอยตัว รองรับคำสั่งเสียง, พวงมาลัย Flat-bottom ปาดล่างหลบต้นขา, ถาดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย 2 ตำแหน่ง, ระบบเสียง Dolby Atmos 7.1.2 พร้อมลำโพงคุณภาพสูง 22 ตำแหน่ง
● เบาะมาพร้อมฟังก์ชันนวด 10 จุด – ระบบระบายอากาศ และระบบอุ่นเบาะ, เบาะหลังสามารถปรับเอนได้ 143 องศา, โต๊ะวางของอเนกประสงค์, กระจกกันเสียงแบบลามิเนต 2 ชั้น, พื้นที่บรรทุกสัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้า (Frunk) ความจุ 55 ลิตร, พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายแบบสองชั้นขนาด 80 ลิตร, ความจุรวม 670 ลิตร และเพิ่มเป็น 1,802 ลิตรเมื่อพับเบาะ
● ด้านความสะดวกสบาย Hyptec HT จะมากับหลังคา Panoramic glass roof แบบเต็มพื้นที่ในทุกรุ่นย่อย เบาะคู่หลังสามารถปรับองศาเพื่อเอนหลังได้มากกว่ารถซีดานทั่วไปในตลาด นอกจากนี้เบาะคู่หน้ายังสามารถพับแบบเรียบ และเชื่อมต่อเข้ากับเบาะหลัง เพื่อให้ผู้โดยสารด้านหลังสามารถเหยียดขาพักผ่อนได้ตลอดการเดินทาง และยังมีระบบน้ำหอมปรับอากาศที่สามารถสั่งงานผ่านจอกลาง โดยเลือกกลิ่นได้ 3 รูปแบบ
● ระบบขับเคลื่อนมีทางเลือกเดียว ทั้งคู่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ แม่เหล็กถาวร หมุนล้อคู่หลัง กำลังสูงสุดผลิตได้ประมาณ 340 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 43.8 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 5.8 วินาที
● แบตเตอรี่แพค Magazine Battery 2.0 แบบ Lithium iron phosphate ความจุ 83.3 กิโลวัทท์-ชม. เทคโนโลยีแรงดันไฟฟ้า 800 โวลท์ พร้อมเทคโนโลยีซูเปอร์ชาร์จ สามารถชาร์จเร็วด้วยไฟกระแสตรงจาก 10 – 70% ภายใน 15 นาที และ 0 – 100% ภายใน 53 นาที ชาร์จเต็มวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 620 กม. จากการทดสอบตามมาตรฐาน CLTC ของประเทศจีน นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น V2L กำลังสูงสุด 3,300 วัทท์ สำหรับจ่ายไฟให้อุปกรณืไฟฟ้าต่างๆ นอกสถานที่ได้ด้วย
คุณโอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
● คุณโอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หลังจากที่ GAC Aion ได้มีการแนะนำแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ Hyper อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัว Hyper HT รถยนต์เอสยูวีไฟฟ้าลักซ์ชัวรี่ระดับไฮเอนด์ที่หลายคนรอคอย ในงาน Motor Show 2024 ครั้งที่ 45 ที่ผ่านมา ได้มีกระแสตอบรับแรงเกินคาดมีประชาชนให้ความสนใจ Hyper HT อย่างล้นหลาม เนื่องจาก Hyper (ไฮเปอร์) เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ (Hi-End) ของ GAC Aion ที่ตอบสนองความต้องการในกลุ่มลูกค้าผู้หลงใหลความเป็นที่สุด ทั้งความหรูหรา เทคโนโลยี และสมรรถนะขั้นสูง สะท้อนภาพลักษณ์ และรสนิยมอย่างเหนือชั้น ผ่านการคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ดีที่สุด”
● “ล่าสุด Hyper แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ใหม่เป็น Hyptec และไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนชื่อแบรนด์เท่านั้น แต่เป็นการปรับปรุงภาพลักษณ์และกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ครอบคลุมมากขึ้น สะท้อนถึงการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่มุ่งเน้นเทคโนโลยีล้ำสมัยและการขยายตัวในตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยการเปลี่ยนชื่อแบรนด์จาก Hyper เป็น Hyptec เกิดจากการศึกษาวิจัยตลาดและความต้องการของลูกค้าทั่วโลกอย่างละเอียดลึกซึ้ง ชื่อ Hyptec ถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการในยุคดิจิทัลอย่างเต็มที่ โดยชื่อแบรนด์ Hyptec มีที่มาจาก Hyper สื่อถึงความสุดยอดและความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และ Technology สื่อถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแค่หรูหรา แต่ยังล้ำหน้าด้วยคุณสมบัติทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่โดดเด่น”
คุณพอนตุส ฟอนเทอุส (Pontus Fontaeus) ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ GAC Advanced Design Los Angeles และผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ Hyptec
● คุณพอนตุส ฟอนเทอุส (Pontus Fontaeus) ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ GAC Advanced Design Los Angeles และผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ Hyptec กล่าวว่า “ปรัชญาการออกแบบของ HYPTEC เริ่มต้นจากหลักปรัชญาการออกแบบ Human-Machine Symbiotic Aesthetics ที่มุ่งเน้นการผสมผสานระหว่างการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีอัจฉริยะ และธรรมชาติอย่างลงตัว ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา เรามุ่งหวังที่จะมอบประสบการณ์ที่น่าทึ่งให้แก่ผู้ใช้ ด้วยการออกแบบภายในที่ทันสมัยและเรียบง่าย สะท้อนถึงบรรยากาศที่หรูหราของการเดินทางระดับเฟิร์สคลาส และเต็มไปด้วยบรรยากาศที่สะดวกสบาย”
คุณสวี่ เจ้าหยู่ (Xu Zhaoyu) ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์
● คุณสวี่ เจ้าหยู่ (Xu Zhaoyu) ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า “Hyptec HT ถูกพัฒนาขึ้นด้วย 5 แกนหลักสำคัญ ได้แก่ Hyptec Design, Hyptec Space, Hyptec Smart, Hyptec Energy และ Hyptec Performance ที่เป็นการผสมผสานความสวยงามทางด้านดีไซน์, พื้นที่ภายในห้องโดยสาร, เทคโนโลยีอัจฉริยะ, การจัดการพลังงาน และสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม รวมกันไว้ใน Hyptec HT เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับให้กับลูกค้า ทำให้ทุกคนหลงใหลในทุกการขับขี่ พร้อมเป็นเพื่อนคุณในทุกเส้นทาง”
ราคาจำหน่าย
● Hyptec HT เลือกสีตัวถังได้ 5 สีระหว่าง แดง Rose Star (เฉพาะรุ่น 620 Luxury), เทา Spinel Grey, ขาว Alpine White, เงิน Crystal Silver หรือดำ Onyx Black ส่วนห้องโดยสารเลือกได้ 3 สีระหว่าง Berlin Beige (เฉพาะรุ่น 620 Luxury), ดำ Midnight Black หรือน้ำตาล Olympus Brown
- HT 620 Premium ราคา 1,449,000 บาท
- HT 620 Luxury ประตูปีกนก ราคา 1,749,000 บาท
● ข้อเสนอพิเศษ Hyptec Exclusive Privilege*
- Financial Benefit ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% (เมื่อดาวน์ 30% ผ่อน 48 งวด) *เมื่อรับรถและจดทะเบียนรถ ระหว่างวันที่ 19 กันยายน 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 เท่านั้น
- Exclusive Warranty Package
1.1 รับประกันแบตเตอรี่ และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบรวม ตลอดอายุการใช้งาน (เฉพาะเจ้าของรถส่วนบุคคล ผู้ครอบครองรถลำดับที่ 1, และไม่ใช้งานรถในลักษณะเชิงพาณิชย์) *กรณีไม่เข้าตามเงื่อนไขด้านบน ระยะการรับประกันสำหรับชิ้นส่วนแบตเตอรี่ และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบรวม จะถูกปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการรับประกันเป็น 8 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) โดยนับจากวันที่ออกรถ
1.2 รับประกันคุณภาพรถยนต์ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
1.3 รับประกันชิ้นส่วนประตูปีกนก 8 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) - Insurance Gift ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
- Exquisite Gifts ฟรี ฟิล์มกระจก แผ่นรองเท้า ค่าจดทะเบียน
- Exclusive Deal for Home Charger ฟรี Home Chager พร้อมบริการติดตั้ง (ฟรีสายไฟความยาวไม่เกิน 20 เมตร / รับประกันเครื่องชาร์จ 1 ปี)
- In-car Internet Service แพ็กเกจอินเตอร์เน็ตในรถยนต์ฟรี นาน 2 ปี ไม่จำกัดปริมาณการใช้งาน
- Lifetime OTA Firmware Update ล้ำสมัยตลอดการขับขี่ บริการอัพเกรดซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องในระบบรถยนต์ฟรีตลอดชีพ
- 24 Hours Roadside Service บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี
● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่เว็บไซท์ : www.aionauto.com/th หรือเฟซบุ๊ค แฟนเพจ : facebook.com/AIONthailand หรือแอด LINE ID : AION Thailand หรือทวิตเตอร์ : AION Thailand หรือยูทิวบ์ : youtube.com/@AIONThailand หรืออินสตาแกรม : aion_thailand หรือติ๊กต่อก : tiktok.com/@aion_thailand ●
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
Grand Opening : 2024 Aion Hyptec HT
The post Aion Hyptec HT เปิดราคาในไทย รุ่นมาตรฐานเริ่มต้น 1,449,000 บาท appeared first on motortrivia.