ต่างประเทศ
สหรัฐฯ ยัน การส่งขีปนาวุธไปประจำฟิลิปปินส์ ‘สำคัญอย่างที่สุด’ ต่อการเตรียมรบ
กองทัพสหรัฐฯ ยืนยันว่า การส่งขีปนาวุธพิสัยกลางไปประจำที่ทางเหนือของฟิลิปปินส์เมื่อไม่นานมานี้เป็นสิ่งที่ “มีความสำคัญอย่างสุด” ทั้งยังเปิดทางให้กองกำลังสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ได้ร่วมกันฝึกซ้อมการใช้อาวุธหนักประเภทนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย พลตร
กองทัพสหรัฐฯ ยืนยันว่า การส่งขีปนาวุธพิสัยกลางไปประจำที่ทางเหนือของฟิลิปปินส์เมื่อไม่นานมานี้เป็นสิ่งที่ “มีความสำคัญอย่างสุด” ทั้งยังเปิดทางให้กองกำลังสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ได้ร่วมกันฝึกซ้อมการใช้อาวุธหนักประเภทนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย
พลตรีมาร์คัส อีแวนส์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 25 ซึ่งประจำอยู่ที่ฮาวาย บอกกับผู้สื่อข่าวเอพี ระหว่างเยือนกรุงมะนิลา ว่า การดำเนินการดังกล่าวทำให้ทั้งสองประเทศ “มีโอกาสที่จะเรียนรู้ทำความเข้าใจวิธีการใช้งาน(อาวุธดังกล่าว) โดยให้เหตุผลว่า เป็นเพราะความท้าทายด้านสภาพแวดล้อมในพื้นที่ทะเลจีนใต้รอบ ๆ ฟิลิปปินส์นั้นมีลักษณะเฉพาะสูงมากเมื่อเทียบกับจุดอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้
ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพันธมิตรทางทหารหลายประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกเพื่อต้านจีน ท่ามกลางความกังวลว่า อาจเกิดการเผชิญหน้าในกรณีของไต้หวัน หรือจุดอื่น ๆ ที่มีข้อพิพาทกันอยู่ในเอเชีย ขณะที่ ฟิลิปปินส์เองก็ได้เร่งยกระดับความสามารถในการป้องกันเขตแดนของตน หลังเกิดกรณีปะทะกับจีนบ่อยครั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว
จีนนั้นคัดค้านอย่างหนักหน่วงต่อการที่สหรัฐฯ ส่งสรรพกำลังทหารมาประจำในเอเชียเพิ่มขึ้น และยิ่งตื่นตระหนกหนักขึ้นไปอีกเมื่อกองทัพสหรัฐฯ ส่งขีปนาวุธไทฟอน (Typhon) มาประจำที่ฟิลิปปินส์เมื่อเดือนเมษายน โดยระบบดังกล่าวเป็นอาวุธที่ใช้ยิงจากภาคพื้นดินสำหรับขีปนาวุธโทมาฮอว์กและ Standard Missile-6
เดิมที สหรัฐฯ มีกำหนดถอนระบบขีปนาวุธไทฟอนกลับตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของฟิลิปปินส์จำนวน 3 รายที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวได้บอกกับเอพีเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ที่เป็นพันธมิตรกันมานานตกลงกันใหม่ว่า จะเก็บขีปนาวุธดังกล่าวไว้ที่ฟิลิปปินส์ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเพื่อยกระดับความสามารถในการป้องปราม แม้ว่าจีนจะแสดงอาการตื่นตระหนกต่อการตัดสินใจนี้ก็ตาม
พลตรีอีแวนส์และเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ จำนวนหนึ่งเดินทางไปยังฟิลิปปินส์เพื่อหารือแผนการซ้อมรบประจำปีที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า
ที่มา: เอพี