ต่างประเทศ
‘ไอเอ็มเอฟ’ ปรับขึ้นคาดการณ์ศก.สหรัฐฯ แต่ปรับของจีนลง
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยในวันอังคารว่า ได้ปรับขึ้นคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ บราซิลและอังกฤษ แต่ปรับลดคาดการณ์สำหรับจีน ญี่ปุ่นและกลุ่มยูโรโซน พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงจากความขัดแย้งในภาวะสงครามต่าง ๆ และความน่าจะเป็นขอ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยในวันอังคารว่า ได้ปรับขึ้นคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ บราซิลและอังกฤษ แต่ปรับลดคาดการณ์สำหรับจีน ญี่ปุ่นและกลุ่มยูโรโซน พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงจากความขัดแย้งในภาวะสงครามต่าง ๆ และความน่าจะเป็นของการเกิดสงครามการค้ารอบใหม่ รวมทั้งผลกระทบตกค้างจากการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดด้วย ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
รายงาน World Economic Outlook ฉบับล่าสุดของ IMF ประเมินว่า จีดีพีของเศรษฐกิจโลกในปี 2024 จะยังคงอยู่ที่ระดับ 3.2% ดังที่ระบุในการคาดการณ์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทิศทางการขยายตัวที่ไม่ค่อยสดใสนัก ขณะที่ ผู้นำการเงินโลกมารวมตัวกันที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้เพื่อร่วมการประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก
IMF คาดการณ์จีดีพีเศรษฐกิจโลกในปี 2025 ที่ 3.2% ซึ่งเป็นการปรับลงจากการประเมินในคราวที่แล้ว 0.1% พร้อมชี้ว่า แนวโน้มการขยายตัวในระยะกลางน่าจะอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 3.1% ภายใน 5 ปี ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเมื่อก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เสียอีก
อย่างไรก็ดี ปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส หัวหน้าทีมนักเศรษฐศาสตร์ของ IMF กล่าวว่า สหรัฐฯ อินเดียและบราซิลแสดงให้เห็นถึงความสามารถของประเทศในการฟื้นตัวและภาวะที่จะขยายตัวไปได้ในอัตราช้าลง (soft-landing) ที่เห็นอัตราเงินเฟ้ออ่อนตัวลงโดยไม่ส่งผลให้มีการเลิกจ้างงานเป็นจำนวนมาก
คาดการณ์จีดีพีของสหรัฐฯ ในปีนี้ถูกปรับขึ้นจาก 2.6% มาเป็น 2.8% เนื่องจากการขยายตัวของการบริโภคที่แข็งแกร่งกว่าคาดที่มีแรงส่งมาจากค่าแรงและราคาสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ IMF ปรับคาดการณ์ตัวเลขของปีหน้าจาก 1.9% ขึ้นเป็น 2.2% ด้วย
ในส่วนของจีนนั้น IMF ลดอัตราคาดการณ์จีดีพีปี 2024 จาก 5.0% ลงมาเป็น 4.8% แม้จะพิจารณาการเพิ่มขึ้นของการส่งออกที่ชดเชยผลกระทบของปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์และความมั่นใจผู้บริโภคที่อ่อนลงแล้ว ส่วนตัวเลขของปีหน้านั้น มีการคงตัวไว้ที่ 4.5%
IMF ยังได้พิจารณาปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ในการประเมินทิศทางเศรษฐกิจโลกครั้งนี้ด้วย ซึ่งมีตั้งแต่ความน่าจะเป็นของการปรับขึ้นภาษีนำเข้าและมาตรการตอบโต้ที่อาจตามมาจากประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐฯ ประเทศกลุ่มยูโรโซน และจีน รวมทั้งการอพยพเคลื่อนย้ายเข้าสหรัฐฯ และยุโรปที่ลดลง และความปั่นป่วนในตลาดการเงิน ซึ่งหากเกิดขึ้นทั้งหมด จีดีพีโลกน่าจะหดตัว 0.8% ในป 2025 และ 1.3% ในปี 2026
และหากสงครามในตะวันออกกลางและยูเครนขยายวงออกไป IMF ราคาน้ำมันโลกและสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ก็น่าจะพุ่งขึ้นไปอีก
ที่มา: รอยเตอร์