เรื่อง : AREA 54

●   หลังเปิดตัวและทำตลาดรุ่นเบนซิน SkyActiv-G มาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 ในที่สุดรถครอสโอเวอร์ SUV ขนาดคอมแพคท์ Mazda CX-50 ก็เปิดตัวไลน์อัพเครื่องยนต์ไฮบริดที่พึ่งพาชุดระบบขับเคลื่อน THS ของโตโยต้าตามกรอบเวลาที่แจ้งไว้ในช่วงเปิดตัว ซึ่งให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยแถวๆ 13.4 กม./ลิตร ดีขึ้นพอสมควรเมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐาน SkyActiv-G ที่มีตัวเลขประมาณ 9.1 กม./ลิตร

●   ด้านภาพลักษณ์ CX-50 HEV ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนักจากรุ่นก่อนหน้า ตัวรถยังคงดูสวยเรียบๆ ในสไตล์มาสด้า ทว่าจะมีชุดกันชนหน้าใหม่ และล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 หรือ 19 นิ้วให้พอแยกความแตกต่างได้

●   ห้องโดยสารเพิ่มความสะดวกในการใช้งานด้วยการติดตั้งผู้ช่วยเสมือน Amazon Alexa ในทุกรุ่นย่อย พร้อมเพิ่มระบบความปลอดภัยอีก 3 รายการ ประกอบด้วยระบบ Rear Seat Reminder แจ้งเตือนเผื่อหลงลืมผู้โดยสารทางด้านหลัง, ระบบ Vehicle Exit Warning ตรวจสอบสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายเมื่อเปิดประตูรถ และปรับปรุงการทำงานของระบบ Smart Brake Support ช่วยเบรคอัตโนมัติ พร้อมเพิ่มฟังก์ชั่นตรวจจจับคนเดินถนนในเวลากลางคึน

●   ฝั่งรุ่นท๊อป CX-50 2.5 Turbo Premium Plus จะเพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบ Front Cross Traffic Alert (FCTA) แจ้งเตือนเมื่อมีรถตัดหน้าในจุดบอดขณะเคลื่อนตัวออกจากช่องจอด เช่น ในที่จอดรถสาธาณณะที่อาจจะมีเสาขนาดใหญ่บังมุมมอง

●   ในรุ่นก่อนหน้า CX-50 มีเครื่องยนต์ทำตลาดมีเพียงรุ่นเดียว นั่นคือเบนซิน SkyActiv-G แบบ 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร แยกเป็นรุ่น N/A หายใจธรรมดา หรืออัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ SkyActiv-Drive กำลังสูงสุดรุ่น N/A ประมาณ 190 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 26 กก.-ม. ส่วนรุ่นเทอร์โบชาร์จกำลังสูงสุดประมาณ 253 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 44 กก.-ม.

●   สำหรับรุ่น HEV มาสด้าระบุว่า พวกเขาไม่ได้ยกชุดระบบส่งกำลังไฮบริดของโตโยต้ามาใช้งานดื้อๆ แต่วิศวกรของมาสด้าได้ทำการปรับปรุงการทำงานต่างๆ ของระบบไฮบริดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับการใช้งานใน CX-50 เช่น การปรับปรุงอัตราการตอบสนองเมื่อกดคันเร่ง, ความนุ่มนวลในการขับเมื่อระบบมีการตัดต่อกำลัง ทว่ายังสามารถคงประสิทธิภาพในการลากจูงสูงสุดที่ 680 กก.

●   ส่วนรุ่นใหม่ล่าสุด CX-50 HEV ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ส่งกำลังด้วยเกียร์ e-CVT หมุนล้อแบบ All-wheel drive กำลังสูงสุดผลิตได้ 222 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 22.5 กก.-ม. แรงขึ้นและประหยัดขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นหายใจธรรมดา และพอเพียงกับการใช้งานแบบท่องเที่ยวในวันหยุดเมื่อเทียบกับรุ่นเทอร์โบชาร์จ

●   ใครไม่แคร์เรื่องความประหยัด สามารถเลือกรุ่นท๊อป CX-50 2.5 Turbo Premium Plus ได้ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร จะมีกำลังสูงสุดจะเพิ่มขึ้นเป็น 260 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 44 กก.-ม…. อย่างไรก็ตาม หากผู้ขับเลือก้น้ำมันเบนซินที่มีค่าออคเทน 87 กำลังสูงสุดจะลดลงเหลือ 230 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 42.7 กก.-ม.

●   มาสด้าจะเริ่มจำหน่าย CX-50 รุ่นปี 2025 ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2024 เป็นต้นไป ทว่าในช่วงแรกจะมีให้เฉพาะรุ่นพื้นฐานเกรด 2.5 S Select ไล่ไปจนถึงรุ่นเทอร์โบชาร์จ Premium Plus ที่ใช้พลัง ICE เท่านั้น ส่วนไลน์อัพรุ่นไฮบริดต้องรอไปจนถึงช่วงปลายปี

●   CX-50 MY2025 มีให้เลือกทั้งหมด 10 รุ่นย่อย ราคาจำหน่ายรุ่นมาตรฐาน CX-50 2.5 S Select เริ่มต้นที่ 30,300 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.1 ล้านบาท รุ่นท๊อป CX-50 2.5 Turbo Premium Plus ราคา 43,300 ดอลลาร์ หรือราว 1.6 ล้านบาท… ส่วนไลน์อัพรุ่นไฮบริด CX-50 Hybrid Preferred เริ่มต้นที่ 33,970 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.3 ล้านบาท รุ่นท๊อปของไลน์อัพไฮบริด CX-50 Hybrid Premium Plus จบที่ 40,050 ดอลลาร์ หรือราว 1.5 ล้านบาทครับ ●

2025 Mazda CX-50

The post 2025 Mazda CX-50 เปิดตัวไลน์อัพเครื่องยนต์ไฮบริด THS จากโตโยต้า appeared first on motortrivia.