logologo

Easy Branches ให้คุณแบ่งปันโพสต์แขกของคุณภายในเครือข่ายของเราในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเข้าถึงลูกค้าทั่วโลก เริ่มแบ่งปันเรื่องราวของคุณวันนี้!

Easy Branches

34/17 Moo 3 Chao fah west Road, Phuket, Thailand, Phuket

Call: 076 367 766

info@easybranches.com
รถ

MG3 Hybrid+ เผยสเปคเวอร์ชั่นไทยก่อนเปิดราคาสิงหาคม 2567 นี้

motortrivia ●   ยังคงเน้นการโปรโมทด้วยการทยอยปล่อยข้อมูลออกมาเป็นระยะๆ ล่าสุด MG ประเทศไทยปล่อยสเปคอย่างเป็นทางการของ MG3 Hybrid+ ออกมาแล้ว โดยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะประกาศกันอีกครั้งในช่วงเดือนสิงหาคม 2567 นี้ ●   ก่อนอื่น ข้อมูลเวอร์ชั่นต

โดย: motortrivia.com

  • Jul 18 2024
  • 161
  • 8401 Views
MG3 Hybrid+ เผยสเปคเวอร์ชั่นไทยก่อนเปิดราคาสิงหาคม 2567 นี้
MG3 Hybrid+ เผยสเปคเวอร์ชั่นไท

motortrivia

●   ยังคงเน้นการโปรโมทด้วยการทยอยปล่อยข้อมูลออกมาเป็นระยะๆ ล่าสุด MG ประเทศไทยปล่อยสเปคอย่างเป็นทางการของ MG3 Hybrid+ ออกมาแล้ว โดยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะประกาศกันอีกครั้งในช่วงเดือนสิงหาคม 2567 นี้

●   ก่อนอื่น ข้อมูลเวอร์ชั่นตลาดโลก ดูได้ที่ลิงค์นี้, ข้อมูลวิ่งทดสอบในไทย ดูได้ที่ลิงค์นี้ และข้อมูลของระบบไฮบริด พร้อม 8 โหมดการทำงานของระบบขับเคลื่อน ดูได้ที่ลิงค์นี้ครับ

●   สำหรับสเปคไทยอย่างเป็นทางการ อุปกรณ์ฐานมีชุดไฟหน้า LED แบบใหม่ Hunter Eye Headlamp พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, กระจังหน้าใหม่, กันชนหน้าใหม่, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว, ไฟท้ายออกแบบโดยใช้แรงบันดาลใจจากปีกผีเสื้อ, ไฟตัดหมอกหลัง, ฟังก์ชั่น Follow-Me-Home, กระจกมองข้างพับอัตโนมัติเมื่อล็อครถ, ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว

●   ขนาดตัวมีความยาว 4,113 มม. กว้าง 1,797 มม. สูง 1,502 มม. ความยาวฐานล้อ 2,570 มม. น้ำหนักตัว 1,285 กก. โดยประมาณ พื้นที่บรรทุกสัมภาระ 293 ลิตร และสูงสุด 1,037 ลิตร เมื่อพับเบาะ เทียบกับรุ่นปัจจุบันตัวรถจะใหญ่ขึ้นในทุกมิติ

●   ห้องโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง ตกแต่งด้วยสีทูโทน ขาวสลับดำ อุปกรณ์มาตรฐานมีมาตรวัดดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว, จอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 10.25 นิ้ว, ระบบปฏิบัติการ i-SMART, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay หรือ Android Auto แบบไร้สาย, ถาดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย, ระบบปรับอากาศดิจิทัล, ปุ่มเลือกเกียร์แบบโรตารี่, พอร์ท USB Type-A 2 ตำแหน่ง, พอร์ท USB Type-C 1 ตำแหน่ง, ระบบกรองฝุ่น PM 2.5, ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, ชุดลำโพง 6 ตำแหน่ง, กุญแจรีโมท Smart Key และปุ่ม Push Start

●   ชุดระบบขับเคลื่อนไฮบริดใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 102 แรงม้า รองรับน้ำมัน E20, มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.4 กก.-ม., มอเตอร์ที่ใช้สร้างกระแสไฟ 45 กิโลวัทท์, เกียร์ไฟฟ้า E-AT 3 จังหวะ และแบตเตอรี่แพคชนิด Lithium-Ion ความจุ 1.83 กิโลวัทท์-ชม. กำลังรวมทั้งระบบผลิตได้ 194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.4 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 8 วินาที น้ำมัน 1 ถังวิ่งทำระยะทางได้มากกว่า 800 กิโลเมตร

●   รูปแบบในการขับเคลื่อนมี 8 โหมดตามความเร็วรถ ประกอบด้วยระบบขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid), ระบบขับเคลื่อนแบบผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า (Parallel Hybrid) และโหมดไฟฟ้าล้วน (Pure EV) ส่วนโหมดในการขับซึ่งผู้ขับสามารถเลือกได้มีโหมด Eco, Standard หรือ Sport

●   (1) โหมดขณะรถหยุดนิ่ง : ตัวระบบจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูง (HV Battery หรือ High-Voltage Battery) ช่วยให้ระบบปรับอากาศ และระบบอื่นๆ สามารถทำงานได้โดยที่เครื่องยนต์หยุดการทำงาน

●   (2) โหมดไฟฟ้าล้วนจาก 0 – 30 กม./ชม. : เมื่อผู้ขับเริ่มออกตัวจากจุดหยุดนิ่งจนถึงความเร็ว 30 กม./ชม. ตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ล้วนๆ (Pure EV) สามารถวิ่งได้นุ่มนวลและเงียบเหมือนรถไฟฟ้า 100%

●   (3) โหมดความเร็วบนสภาพการจราจรหนาแน่น : เมื่อผู้ขับใช้ความเร็วเพิ่มขึ้นในช่วง 30 – 50 กม./ชม. ซึ่งนับเป็นช่วงความเร็วต่ำ ใช้งานในเมือง ระบบจะสลับไปยังโหมดขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid) เครื่องยนต์จะทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์ ส่งกระแสไฟไปให้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนตัวรถ

●   (4) โหมดความเร็วสำหรับวิ่งในเมือง : เมื่อความเร็วของรถไต่ระดับไปที่ 50 – 80 กม./ชม. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นช่วงความเร็วปานกลางสำหรับใช้งานระหว่างเดินทางออกนอกเมือง ตัวรถจะเปลี่ยนไปใช้ระบบขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid) ช่วยให้ผู้ขับใช้แรงบิดสูงได้อย่างต่อเนื่อง โดยเครื่องยนต์จะยังคงทำหน้าที่เป็นเจนเนอรเตอร์ผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อน พร้อมส่งกระแสไฟฟ้าส่วนเกินไปเก็บเอาไว้ในแบตเตอรี่แพค

●   (5) โหมดความเร็วคงที่ : ขณะที่ผู้ขับใช้ความเร็วคงที่ในช่วง 80 กม./ชม. ระหว่างการเดินทางระยะไกล ระบบจะสลับเป็นการใช้งานเครื่องยนต์ที่รอบความเร็วต่ำ และใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเหมาะสม ตัวเครื่องยนต์จะตัดต่อการทำงานผ่านชุด Hybrid Transmission ซึ่งมี 3 อัตราทดแบบอัตโนมัติ และขับเพลาเพื่อหมุนล้อโดยตรง MG ระบุว่าในย่านความเร็วนี้ ชุดระบบของ MG3 ใหม่จะประหยัดเชื้อเพลิงกว่ารถแบบ Series Hybrid ทั่วไปที่เครื่องยนต์ทำหน้าที่ปั่นไฟเพียงอย่างเดียวตลอดเวลา

●   (6) โหมดวิ่งทางไกล และช่วงเร่งแซง : เมื่อรถวิ่งอยู่ในช่วงความเร็ว 80 – 120 กม./ชม. ซึ่งเป็นช่วงเดินทางไกล หรือขึ้นทางลาดชัน หากผู้ขับต้องการเร่งแซง ก็สามารถกดคันเร่งเบาๆ ให้เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฮบริดทำงานร่วมกัน (Parallel Hybrid) ได้ทันที ตัวรถจะผลิตกำลังสูงสุด และมอบอัตราเร่งที่ทันใจให้ เพื่อให้การเร่งแซงตอบสนองได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย

●   (7) โหมดความเร็วสูง : เมื่อผู้ขับใช้ความเร็วสูงบนไฮเวย์ที่ 120 กม./ชม. เครื่องยนต์จะทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยขณะที่รถขับเคลื่อน ระบบจะแบ่งกำลังส่วนที่เหลือจากเครื่องยนต์ไปหมุนเจนเนเรเตอร์เพื่อปั่นไฟไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่แพค

●   (8) โหมดลดความเร็ว และฟังก์ชั่น Regenerative : เมื่อผู้ขับผ่อนคันเร่งเพื่อลดความเร็วลงมาในช่วง 120 – 0 กม./ชม. หรือช่วงขับลงทางชัน ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่ใช้มอเตอร์เป็นตัวหน่วงกำลัง และทำหน้าที่เป็นระบบชาร์จไฟกลับ หรือ Energy Regeneration ซึ่งเลือกได้ 3 ระดับ มาก / น้อย / ปานกลาง

●   ชุดระบบความปลอดภัยมี ฟังก์ชั่นกล้องรอบคัน 360 องศาแบบ High Definition, ระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ Traffic Jam Assist ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบความเร็วต่ำในช่วงการจราจรติดขัด, ระบบ Emergency Lane Keeping System ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบ Lane Departure Prevention ป้องกันการออกนอกเลน, ระบบ Lane Keep Assist ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบ Lane Departure Warning แจ้งเตือนเมื่อออกนอกเลน, ระบบ Forward Collision Warning แจ้งเตือนเมื่อพบความเสี่ยงในการชนด้าน

●   ต่อด้วยระบบ Electronic Differential System (XDS) ควบคุมการเบรคในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง, ระบบ Autonomous Emergency Braking ช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบ Emergency Stop Signal สัญญาณไฟเบรคฉุกเฉิน, ระบบ Unsteady Driving Warning ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมการขับ, ระบบ Hill Start Assist System ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบ Speed Sensing Door Lock ช่วยล็อคประตูรถแบบอัตโนมัติ, ระบบ Tire Pressure Monitor System ตรวจสอบลมยาง

●   นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “All New MG3 Hybrid+ เป็นรถยนต์ไฮบริดที่พิสูจน์ให้เห็นถึงการเป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมในประเทศต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค และถือเป็นโกลบอลโมเดลรุ่นล่าสุดของ เอ็มจี ที่ได้นำเทคโนโลยีอย่าง ระบบ Hybrid+ สู่การรังสรรค์รถยนต์พลังงานทางเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งานรถของลูกค้า ทั้งยังเป็นยนตรกรรม ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเอ็มจีในการเดินหน้าสู่เป้าหมายสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์สีเขียว (Green Mobility) ให้กับตลาดยานยนต์โลก”

●   “All New MG3 Hybrid+ ถูกวางให้เป็นหนึ่งในโมเดลยุทธศาสตร์ (Strategic Model) ประจำปีนี้ของเอ็มจีในการบุกและปลุกตลาด B-Segment ในเมืองไทย กับการเป็นยนตรกรรมที่จะเจาะกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาความสมดุลระหว่างความประหยัดและสมรรถนะ ที่ทรงประสิทธิภาพ ด้วยราคาที่เข้าถึงและเป็นเจ้าของได้ง่าย ซึ่ง เอ็มจี มีแผนเปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในเดือนสิงหาคม 2567 นี้”

●   MG ระบุว่า MG3 Hybrid+ วิ่งทดสอบบนถนนจริงในยุโรปรวมระยะทางมากกว่า 14,000 กม. ในช่วงฤดูร้อน และมากกว่า 10,000 กม. ในช่วงฤดูหนาว การปรับจูนรถใช้ระยะทางมากกว่า 5,000 กม. ในสถานการณ์หลายรูปแบบ (Multi-scenario Road Test and Tuning) โดยมีสภาพภูมิประเทศ, ภูมิอากาศ และพื้นผิวบนท้องถนนที่แตกต่างกัน อาทิ สนามทดสอบกว่างเต๋อ (SAIC-GM Guangde Proving Ground) ในมณฑลอานฮุย ประเทศจีน

●   นอกจากนี้ยังมีการวิ่งบนถนนสาธารณะ (Public Road), ไฮเวย์ รวมถึงการทดสอบวิ่ง
ในสนามที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นอย่าง Hailar Ultra-cold Proving Ground ในเมืองไฮลาเออร์ ประเทศมองโกเลีย ซึ่งการทดสอบแบบ Extreme Cold Test นี้มีขึ้นภายใต้อุณหภูมิที่ต่ำถึง -30 °C และยังผ่านการทดสอบการใช้งานในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิร้อนจัด หรือ Extreme Hot Test ภายใต้อุณหภูมิพื้นผิวที่สูงกว่า 70 °C ในเมืองถูหลู่ฟาน มณฑลซินเจียง ซึ่งนับเป็นพื้นที่ที่ร้อนที่สุดในประเทศจีน

●   สำหรับการปรับจูนพวงมาลัยนั้น MG ใช้เวลามากกว่า 200 ชม. โดยทดสอบบนเงื่อนไขทั้งในการจำลองสถานการณ์เสมือนจริง (Simulator) และขับทดสอบบนท้องถนน (Real road) ส่วนในประเทศไทยเรานั้น MG ได้เริ่มวิ่งทดสอบตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา รวมระยะทางวิ่งแล้วมากกว่า 10,000 กม. ทั่วทุกภูมิภาค

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ MG Call Centre โทร. 1267 หรือเว็บไซท์ : www.mgcars.com หรือแอด LINE : @MGThailand หรือเฟซบุ๊คแฟนเพจ : facebook.com/MGcarsThailand หรือแอพพลิเคชั่น : MG Thailand ●

2024 MG3 Hybrid+ (Thailand)

The post MG3 Hybrid+ เผยสเปคเวอร์ชั่นไทยก่อนเปิดราคาสิงหาคม 2567 นี้ appeared first on motortrivia.

ที่เกี่ยวข้อง


แบ่งปันหน้านี้

โพสต์ของแขกโดย Easy Branches

all our websites

image