เทคโนโลยี
สหรัฐฯ จับตา ‘ขยะอวกาศ’ รอบโลก ด้วยเอไอ
ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีอวกาศที่รุดหน้าอย่างต่อเนื่องหมายถึง โอกาสที่จะเกิดปริมาณขยะอวกาศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และประเด็นนี้ก็นำมาซึ่งปัญหาเกี่ยวกับความเสี่ยงสำหรับปฏิบัติการต่าง ๆ นอกโลกได้ ทำให้มีผู้คิดค้นหาทางช่วยป้องกันสถานการณ์อันไม่พึง
ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีอวกาศที่รุดหน้าอย่างต่อเนื่องหมายถึง โอกาสที่จะเกิดปริมาณขยะอวกาศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และประเด็นนี้ก็นำมาซึ่งปัญหาเกี่ยวกับความเสี่ยงสำหรับปฏิบัติการต่าง ๆ นอกโลกได้ ทำให้มีผู้คิดค้นหาทางช่วยป้องกันสถานการณ์อันไม่พึงประสงค์นี้แล้ว
บริษัทสตาร์ทอัพแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ หวังรับมือกับปัญหาขยะอวกาศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยระบบติดตามที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะช่วยแจ้งเตือนผู้ควบคุมให้หลีกเลี่ยงเหตุดาวเทียมปะทะกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเศษขยะบนอวกาศเพิ่มขึ้น
บริษัท ไพรเวทเทียร์ (Privateer) ที่ตั้งในรัฐฮาวายและก่อตั้งโดย สตีฟ วอซเนียก ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิล (Apple) ระบุถึงความสำคัญของการติดตาม บันทึก และเฝ้าจับตาขยะอวกาศจำนวนมหาศาลที่กำลังเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรอย่างต่อเนื่อง
เดแคลน ลินช์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ของบริษัท Privateer ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า “ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องสำคัญ และทวีความสำคัญมากขึ้น เมื่อเราส่งสินทรัพย์ไปยังอวกาศ (เช่นดาวเทียม และสถานีภาคพื้นดิน)”
แพลตฟอร์มติดตามวัตถุบนอวกาศของบริษัท Privateer ชื่อว่า “เวย์ไฟน์เดอร์” (Wayfinder) เป็นการผสานข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น ข้อมูลจากกองบัญชาการอวกาศสหรัฐอเมริกา (U.S. Space Command) รวมไปถึงข้อมูลจากผู้ให้บริการดาวเทียมรายอื่น ๆ และสามารถติดตามวัตถุในวงโคจรได้มากกว่า 35,000 ชิ้นแล้ว โดยจะนับเฉพาะวัตถุที่มีขนาดใหญ่กว่า 10 เซนติเมตรเท่านั้น ขณะที่ วัตถุที่มีขนาดเล็กกว่านั้นจะไม่สามารถติดตามได้จากพื้นโลกได้ ซึ่งหากจะประเมินนับรวมเศษซากในอวกาศที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 มิลลิเมตรดูแล้ว คาดว่าจะมีปริมาณถึงราว 100 ล้านชิ้น
การติดตามวัตถุจำนวนมหาศาล พร้อมคาดการณ์วิถีโคจรที่จะเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมงนั้น จำเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากและต้องการคอมพิวเตอร์ที่ศักยภาพในการประมวลผลด้วย และลินช์ จากบริษัท Privateer เผยว่า “เราสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของ AI ทำสิ่งเหล่านี้ได้ ในเวลาเพียงเสี้ยวเดียว เมื่อเทียบกับ (การประมวลผล) ในอดีต ที่ทำโดยมนุษย์”
ทั้งนี้ เศษซากต่าง ๆ ในอวกาศนั้นโดยมากแล้วประกอบด้วยดาวเทียมที่หมดอายุ ส่วนประกอบของจรวดที่ใช้งานแล้วและชิ้นส่วนจากการแตกสลายรวมถึงการชนกัน โดยเศษซากเหล่านี้จะเคลื่อนที่โคจรรอบโลกด้วยความเร็ว 27,350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เศษซากเหล่านี้ถือเป็นภัยคุกคามต่อสถานีอวกาศนานาชาติและดาวเทียมที่ปฏิบัติการอยู่ อย่างเช่น ดาวเทียมระบบสื่อสารซึ่งหลายดวงก็มีความสำคัญไม่น้อยสำหรับระบบล้ำสมัยต่าง ๆ บนพื้นโลก
ด้วยเหตุนี้ การตระหนักรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในอวกาศที่คล้าย ๆ กับการควบคุมการจราจรทางอากาศแต่เป็นระบบสำหรับดาวเทียมจึงมีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับผู้ดูแลควบคุมดาวเทียม ในช่วงที่ยังไม่มีข้อตกลงมาตรฐานสากลที่กำกับดูแลในเรื่องนี้
ลินช์ ประธานเจ้าหน้าที่ของบริษัท Privateer อธิบายว่า ประเด็นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นในอวกาศและกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่นั่น (Space Domain Awareness) ยังเป็นเรื่องที่รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ พยายามทำความเข้าใจอยู่ ขณะที่ ผู้ดำเนินงานและกิจการด้านอวกาศที่เดินหน้าส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรอยู่ก็ต้องหันมาดูแลกันเองไปก่อน
บริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้ตั้งเป้าที่จะเปิดให้ผู้ประกอบการดาวเทียม หน่วยงานอวกาศนานาชาติ และชุมชนวิทยาศาสตร์ทั่วโลก สามารถเข้าถึงข้อมูลการติดตามวัตถุที่โคจรบนอวกาศให้ได้ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงเจตนารมย์ของบริษัทที่เชื่อว่า “การแบ่งปันข้อมูล” เป็นองค์ประกอบสำคัญ ในการต่อสู้และรับมือกับปัญหาขยะบนอวกาศ
ที่มา: รอยเตอร์