อเมริกา
ผู้พิพากษายืนยันความผิดทรัมป์ในคดีเงินปิดปาก แต่ไม่สั่งลงโทษใด ๆ
ผู้พิพากษาศาลนครแมนฮัตตันยืนยันการตัดสินในวันศุกร์ว่า ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความผิดในคดีเงินปิดปากดาราหนังผู้ใหญ่ แต่ตัดสินไม่สั่งลงโทษใด ๆ ซึ่งเปิดทางให้ทรัมป์สามารถก้าวเดินเข้าสู่ทำเนียบขาวใน 10 วันข้างหน้าโดยไม่ต้องกังวลว่าอาจต้องโทษจ
ผู้พิพากษาศาลนครแมนฮัตตันยืนยันการตัดสินในวันศุกร์ว่า ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความผิดในคดีเงินปิดปากดาราหนังผู้ใหญ่ แต่ตัดสินไม่สั่งลงโทษใด ๆ ซึ่งเปิดทางให้ทรัมป์สามารถก้าวเดินเข้าสู่ทำเนียบขาวใน 10 วันข้างหน้าโดยไม่ต้องกังวลว่าอาจต้องโทษจำขังหรือต้องจ่ายค่าปรับใด ๆ ในคดีนี้อีกต่อไป
การตัดสินความผิดและลงโทษด้วยการปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข (unconditional discharge) ในครั้งนี้ถือเป็นการปิดฉากคดีที่ฉีกบรรทัดฐานกระบวนการทางกฎหมายที่ทำให้ทุกคนได้เห็นภาพทรัมป์ซึ่งเป็นทั้งอดีตประธานาธิบดีและว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกฟ้องว่าทำความผิด 34 กระทง ขึ้นให้การในการไต่สวนคดีเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนและถูกตัดสินว่ามีความผิดในทุกกระทง ได้กลับมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศในสมัยที่ 2 อีกครั้ง แม้การไต่สวนฟ้องร้องจะยืดยาวและมีการเปิดโปงข้อมูลสกปรกต่าง ๆ เกี่ยวกับความพยายามล้มคดีที่พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจผู้มีสิทธิเลือกได้เลย
ในคดีเงินปิดปากดาราหนังผู้ใหญ่นี้ ผู้พิพากษาฮวน เอ็ม เมอร์ชาน สามารถสั่งจำคุกทรัมป์เป็นเวลาสูงสุดถึง 4 ปีได้ แต่ก็เลือกที่จะเลี่ยงปัญหาที่มาจากเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญด้วยการยุติคดีนี้เสีย และเพียงทำให้เป็นที่ประจักษ์ว่า ทรัมป์คือ คนแรกในประวัติศาสตร์อเมริกาที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญาแต่ก็ได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดี
ผู้พิพากษาเมอร์ชานกล่าวว่า ได้พิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างดีก่อนจะตัดสินลงโทษในคดีนี้ของทรัมป์แล้ว แต่การคุ้มครองทางกฎหมายในฐานะว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ “คือปัจจัยที่ลบล้างปัจจัยอื่น ๆ จนหมดสิ้น” และว่า “แต่แม้จะมีการคุ้มครองทางกฎหมายต่าง ๆ ที่ครอบคลุมมากเป็นพิเศษเช่นนี้ สิ่งหนึ่งอำนาจของรัฐธรรมนูญไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้คือ การลบคำตัดสินของคณะลูกขุนออกไปได้”
ทรัมป์รับฟังคำตัดสินของศาลแบบออนไลน์จากบ้านในรัฐฟลอริดาและกล่าวโต้ว่า การดำเนินคดีและตัดสินลงโทษในคดีอาญาที่เกิดขึ้น “เป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายมาก ๆ” และยืนยันว่า ตนไม่ได้ก่ออาชญากรรมใด ๆ
ว่าที่ปธน.จากพรรครีพับลิกันยังคงวิพากษ์วิจารณ์คดีนี้ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวใน 4 คดีอาญาที่มาถึงขั้นการไต่สวนในศาล และหลายคนเชื่อว่า น่าจะเป็นคดีเดียวที่ไปถึงขั้นนั้น โดยระบุว่า “นี่คือการล่าแม่มดทางการเมืองที่มีเป้าหมายทำลายชื่อเสียงของผม เพื่อว่าผมจะได้แพ้เลือกตั้ง แต่ก็เห็นกันอยู่ว่า มันไม่ได้ผลเลย”
ทรัมป์ยังเรียกคดีดังกล่าวว่าเป็น “การ(ใช้กระบวนการยุติธรรม)ต่างอาวุธโดยรัฐบาล” และเป็น “ความน่าอับอายขายหน้าสำหรับนิวยอร์ก” ด้วย
ทรัมป์ปรากฏตัวพร้อม ทอดด์ แบลนช์ ทนายส่วนตัวที่ถูกชวนให้มานั่งเก้าอี้ระดับสูงในกระทรวงยุติธรรมของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งกล่าวว่า “ในทางกฎหมายแล้ว คดีนี้ไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ” พร้อมย้ำแผนการที่จะยื่นอุทธรณ์ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะผู้พิพากษาไม่ได้สั่งลงโทษใด ๆ
ทั้งนี้ อัยการที่เดินเรื่องยื่นฟ้องทรัมป์ในคดีนี้ไม่คัดค้านการตัดสินของผู้พิพากษาเมอร์ชานที่จะไม่สั่งจำคุกหรือสั่งปรับใด ๆ และกล่าวในวันศุกร์ว่า สนับสนุนการตัดสินไม่ลงโทษนี้ และอัยการโจชัว สไตน์กลาส ได้โต้คำวิจารณ์ของทรัมป์ด้วยว่า “อดีตและว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ร่วมในกระบวนการบ่อนทำลายความชอบธรรมของกระบวนการยุติธรรมมาตลอด”
สไตน์กลาสกล่าวด้วยว่า นอกจากทรัมป์จะไม่สำนึกผิดแล้ว ยังคง “แพร่กระจายความรู้สึกดูถูกเหยียดหยาม” คำตัดสินของคณะลูกขุนและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ทั้งยังออกมาเรียกร้องให้มีการตอบโต้แก้เผ็ดทุกคนที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ รวมถึงการเพิกถอนสิทธิการทำหน้าที่ของผู้พิพากษาเมอร์ชาน ซึ่งล้วน “ก่อความเสียหายหนักต่อความเข้าใจของสาธารณชนต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญาและทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งหลายในศาลตกอยู่ในอันตราย”
ในคดีนี้ ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่า ปลอมแปลงข้อมูลทางการเงินช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 เพื่อปกปิดค่าใช้จ่าย 130,000 ดอลลาร์ที่เขาใช้ในการปิดปาก สตอร์มีย์ แดเนียลส์ อดีตดาราหนังผู้ใหญ่ เรื่องความสัมพันธ์ลับของทั้งสองคนเมื่อปี 2006
ทรัมป์ยืนยันว่า ตนไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางเพศใด ๆ กับแดเนียลส์และโต้ว่า ศัตรูทางการเมืองปั่นเรื่องขึ้นให้กลายมาเป็นการดำเนินคดีเพื่อทำลายตน
ผู้พิพากษาเมอร์ชานซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตเลื่อนกำหนดการตัดสินลงโทษทรัมป์มาหลายครั้ง จนกระทั่งสัปดาห์ที่แล้วที่ประกาศว่า จะทำการตัดสินในวันศุกร์โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้ “สิ้นสุด” กระบวนการเสียที และเขียนในบันทึกคำตัดสินว่า ได้พยายามสร้างสมดุลระหว่าง ความต้องการขึ้นบริหารประเทศของทรัมป์ กับคำพิพากษาที่ให้การคุ้มครองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของศาลสูงและการให้ความเคารพต่อคำตัดสินของคณะลูกขุน รวมทั้งความคาดหวังของประชาชนที่ว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย”
ทีมทนายของทรัมป์พยายามอย่างหนักไม่ให้ผู้พิพากษาเมอร์ชานทำการตัดสินลงโทษตามแผน แต่ต้องผิดหวังเมื่อตุลาการศาลสูงมีมติ 5-4 เมื่อวันพฤหัสบดี ปฏิเสธคำร้องขอให้มีการเลื่อนการตัดสินคดีนี้ออกไป
ที่มา: เอพี